Home ที่ปรึกษากฎหมาย โดย ทนาย สุนทร พยัคฆ์ บทวิเคราะห์  “การยกเว้นวีซ่า” จะผลักดัน ความสัมพันธ์จีน-ไทย ให้สูงขึ้น อีกระดับ

บทวิเคราะห์  “การยกเว้นวีซ่า” จะผลักดัน ความสัมพันธ์จีน-ไทย ให้สูงขึ้น อีกระดับ

6 second read
0
0
315

เมื่อวันที่ 28 มกราคม ที่ผ่านมา ณ กรุงเทพมหานคร ผู้แทนรัฐบาลจีน และไทย ได้ร่วมลงนามใน “ความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย กับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราซึ่งกันและกัน สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดา” ซึ่งจะมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่ วันที่ 1 มีนาคม ค.ศ. 2024 เป็นต้นไป ถึงเวลานั้น ชาวจีนที่ถือหนังสือเดินทางกึ่งราชการ และหนังสือเดินทางธรรมดา และชาวไทยที่ถือหนังสือเดินทางธรรมดา สามารถเข้าประเทศอีกฝ่ายได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า ซึ่งมีระยะเวลาพำนักแต่ละครั้ง ไม่เกิน 30 วัน และรวมระยะเวลา ไม่เกิน 90 วัน ภายในช่วงเวลา 180 วัน

นักสังเกตการณ์ เห็นว่า การที่จีนและไทยเข้าสู่ “ยุคปลอดวีซ่า” นั้น ถือได้ ว่า เป็นเหตุการณ์ครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ ความสัมพันธ์ทวิภาคี ก่อนหน้านี้ กระบวนการขอวีซ่า ทำให้เป็นอุปสรรคในระดับหนึ่ง ต่อการไปมาหาสู่กันระหว่างประชาชน ทั้ง 2 ประเทศ ทุกฝ่าย ต่างเชื่อ ว่า นโยบาย “ปลอดวีซ่า” จะนำมาซึ่งกระแสการแลกเปลี่ยน และการไปมาหาสู่กันครั้งใหม่ ระหว่างประชาชน ทั้ง 2 ประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนมายังประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจากประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมแห่งหนึ่ง สำหรับชาวจีนที่เดินทางไปต่างประเทศ มาโดยตลอด ขณะเดียวกันจำนวนคนไทยไปจีน ก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก เช่นกัน เมื่อความถี่ในการไปมาหาสู่กันระหว่างชาวไทย กับชาวจีน มากขึ้น ประชาชนทั้งสองประเทศ ก็ย่อมจะใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น อย่างแน่นอน และร่วมกันผลักดัน “ความสัมพันธ์ครอบครัวเดียวกันจีน-ไทย” ไปสู่ระดับที่สูงขึ้น

จีน และไทย มีความใกล้ชิดทางภูมิศาสตร์ มีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดทางสายเลือดและเชื่อมโยงกันทางวัฒนธรรม และเป็นเพื่อนบ้านที่ดี มิตรที่ดี ญาติที่ดี และหุ้นส่วนที่ดีซึ่งกันและกัน ในช่วงครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา ความสัมพันธ์จีน-ไทยผ่านการทดสอบในการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์โลก และนับวันทวีความมั่นคงยิ่งขึ้น อย่างต่อเนื่อง จีน ถือว่า ประเทศไทย มีความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ ในด้านการต่างประเทศ กับประเทศรอบข้างมาโดยตลอด จีน ชื่นชมไทยที่ยึดมั่นในหลักการจีนเดียว สนับสนุนแนวคิดข้อริเริ่มสำคัญ ระดับโลก 3 ประการ ที่เสนอโดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน และมีส่วนร่วมในการร่วมสร้าง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” อย่างแข็งขัน เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2023 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เดินทางมาเยือนประเทศไทย ด้วยความสำเร็จ ทั้ง 2 ประเทศประกาศว่า จะสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันจีน-ไทยที่มั่นคง เจริญรุ่งเรือง และยั่งยืนมากยิ่งขึ้น  ซึ่งถือเป็นการเปิดศักราชใหม่ ของความร่วมมือฉันมิตรจีน-ไทย

ไทย เป็นประเทศที่สำคัญในภูมิภาค จีน สนับสนุนประเทศไทย ในการขยายบทบาท อย่างเต็มที่ เพื่อเสถียรภาพของภูมิภาคและสันติภาพของโลก

จีน เป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของไทย เป็นเวลา 10 ปี ติดต่อกัน เมื่อปี 2022 ปริมาณการค้าจีน-ไทยสูงถึง 135,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 3 % เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

จีน ได้กลายเป็นหนึ่งในแหล่งการลงทุน จากต่างประเทศ ที่สำคัญของไทย เมื่อปี 2022 การลงทุนโดยตรงของบริษัทจีนในไทยมีมูลค่า 2,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ครองสถานะแหล่งการลงทุน จากต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดของไทย อีกครั้ง ส่วนการลงทุนของไทยในจีน ก็ได้รักษาไว้ซึ่งแนวโน้มการเติบโตที่ดีเช่นกัน

ปัจจุบัน จีน กำลังเพิ่มการลงทุนใน “ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก” ของไทย การลงทุนที่มีโครงการรถยนต์พลังงานใหม่เป็นจุดเด่นไม่เพียงแต่ จะปรับปรุงการจัดวางห่วงโซ่อุตสาหกรรมของบริษัทจีน ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นเท่านั้น แต่ยังจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทย และส่งเสริมการพัฒนาสีเขียว อีกด้วย จีน เป็นจุดหมายปลายทางการส่งออกที่ใหญ่ที่สุด สำหรับสินค้าเกษตรของไทย นับวันมีข้าว ยางพาราธรรมชาติ ผลไม้เมืองร้อน ฯลฯ จากไทยเข้าสู่ตลาดจีนเพิ่มมากขึ้น จีนและไทยกำลังกระชับความร่วมมือ ภายใต้กรอบข้อตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ ระดับภูมิภาค ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยกว่า 90 % ของการค้าสินค้าในภูมิภาค จะบรรลุการเก็บภาษีศุลกากร เป็นศูนย์ในที่สุด ในฐานะที่ไทยเป็นประเทศแรก ที่นำภาษาจีนเข้าสู่ระบบการศึกษาแห่งชาติ ประชาชนชาวไทยเรียนรู้ภาษา และวัฒนธรรมจีน อย่างกระตือรือร้น ผลงานภาพยนตร์ ละครโทรทัศน์ และวรรณกรรมที่ยอดเยี่ยม จากทั้งสองประเทศ ได้รับความนิยมอย่างมากจากอีกฝ่าย

ปีหน้า เป็นวาระครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ ทางการฑูต ระหว่าง จีนกับไทย ทั้ง 2 ฝ่าย ต่างแสดงว่า จะปฏิบัติตามความเห็นพ้องต้องกัน อันสำคัญของผู้นำทั้งสองประเทศ ดำเนินการวางแผนแต่เนิ่น ๆ รักษาการแลกเปลี่ยนระดับสูง ถือ “การยกเว้นวีซ่า” ซึ่งกันและกันในครั้งนี้ เป็นโอกาสในการส่งเสริมการท่องเที่ยว ระหว่างกัน และกระชับความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรม ในด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และสาขาอื่น ๆ เพื่อร่วมกันส่งเสริมการสร้างประชาคมจีน-ไทย ที่มีอนาคตร่วมกันให้บรรลุผลสำเร็จใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง

เขียน โดย ภาคภาษาไทย ศูนย์เอเชียแอฟริกา สถานีวิทยุและโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน (CMG)

TAG : 0 0 Google +0 เขียนเมื่อ  ศุกร์  2  กุมภาพันธ์  2567  23:16:59 เข้าชม : 1896711 ครั้ง

Load More Related Articles
Load More By admin
Load More In ที่ปรึกษากฎหมาย โดย ทนาย สุนทร พยัคฆ์
Comments are closed.

Check Also

นายก อบจ.ภูเก็ต เปิด โครงการค่ายเยาวชน เพื่อการให้ “TAKE LESS, GIVE MORE”

เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2567  ที่ผ่านมา ณ วิทยาลัยป้องกั … …