ปักกิ่ง, 3 พ.ย. (ซินหัว) — จีน ริเริ่มการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญด้วยการส่งเสริม “กำลังการผลิตคุณภาพใหม่” ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการแปลงเทคโนโลยีล้ำสมัย ให้กลายเป็นอุตสาหกรรมใหม่ในช่วง 5 ปี ข้างหน้า โดยแผนดังกล่าว มีเป้าหมายที่จะทำให้ภาคส่วนแห่งอนาคต เช่น เทคโนโลยีควอนตัม การผลิตทางชีวิภาพ พลังงานฟิวชัน อินเทอร์เฟซของสมอง-คอมพิวเตอร์ หุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์เชิงกายภาพ (Embodied AI) และ6จี (6G) กลายเป็นกลไกใหม่ของการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยทั้งหมดนี้อยู่บนพื้นฐานห่วงโซ่อุปทานการผลิตที่มีความยืดหยุ่น
การเสริมศักยภาพด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลได้พลิกโฉมภาคการผลิตของจีน ซึ่งครองอันดับหนึ่งด้านผลผลิตระดับโลกติดต่อกัน เป็นเวลา 15 ปี
ขณะนี้ จีน เกิดแรงงานรูปแบบใหม่จากหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ เป็นผลผลิตจากสตาร์ตอัป เช่น เอนจินเอไอ (EngineAI) ในเซินเจิ้น ซึ่งเน้นการเคลื่อนไหวแบบมนุษย์ และยูบีเทค (UBTECH) ที่นำหุ่นยนต์ไปใช้ในงานโรงงาน
สิ่งเหล่านี้ ต่อยอดมาจากรากฐานอันแข็งแกร่ง โดยมี การนำหุ่นยนต์อุตสาหกรรม 470 ตัว มาใช้แทนแรงงานการผลิตทุก ๆ 10,000 คน และมีโรงงานอัจฉริยะพื้นฐานมากกว่า 35,000 แห่ง
การผสานเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ เข้ากับฐานการผลิตขนาดใหญ่เหล่านี้ ถูก มองว่า จะเป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งถัดไปของจีน
นอกจากการปรับปรุงอุตสาหกรรม แบบดั้งเดิม ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด แล้ว จีน ยังมุ่งมั่นพัฒนาภาคส่วนต่าง ๆ ในอนาคตอย่างแข็งขัน ด้วยการย้ายเทคโนโลยีจากห้องปฏิบัติการไปสู่สายการผลิต
ยกตัวอย่างเช่น บริษัทนิวโรเซส (NeuroXess) ในเซี่ยงไฮ้ที่กำลังพัฒนาอุปกรณ์อินเทอร์เฟซสมอง-คอมพิวเตอร์ (BCI) และประสบความสำเร็จในการฝังอิเล็กโทรดในผู้ป่วยโรคลมชัก 10 ราย เพื่อให้สามารถสื่อสารด้วยความคิดได้
ขณะที่บริษัทควอนตัมซีเทก (QuantumCTek) ได้สร้างอุตสาหกรรมการเสื่อสารเชิงควอนตัมที่ปลอดภัย โดยย่อขนาดอุปกรณ์ขนาดใหญ่ให้เหลือเพียงชิปขนาดเล็ก
เจิ้งซ่านเจี๋ย ผู้อำนวยการคณะกรรมการพัฒนา และปฏิรูปแห่งชาติจีน กล่าวว่า การขยายขนาดของอุตสาหกรรมเหล่านี้ ในทศวรรษหน้าจะเทียบเท่ากับการสร้างภาคส่วนเทคโนโลยีขั้นสูงขึ้นใหม่อีกหนึ่งภาคส่วนเลยทีเดียว
นวัตกรรมที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ ได้รับการสนับสนุนจากระบบนิเวศแบบบูรณาการที่สมบูรณ์ของจีน บรรดาผู้ประกอบการเน้นย้ำ ว่า ฐานการผลิตที่แข็งแกร่งของจีน เป็นรากฐานสำคัญสำหรับการสร้างนวัตกรรม เช่น ควอนตัมซีเทกสามารถลดการพึ่งพาชิ้นส่วนนำเข้า จากต่างประเทศได้อย่างมาก เนื่องจากมีทางเลือกในประเทศ ขณะที่เอนจินเอไอระบุว่าชิ้นส่วนที่เคยมีราคานำเข้า 2,000 หยวน (ราว 9,102 บาท) ปัจจุบันสามารถหาซื้อในจีนได้ ในราคาเพียง 200 หยวน (ราว 910 บาท) เท่านั้น
บริษัทเอกชน ถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของภาคส่วนเทคโนโลยี เพราะคิดเป็นกว่าร้อยละ 92 ของบริษัทเทคโนโลยีขั้นสูงระดับชาติ ทั้งหมด โดยจีนมีบริษัทระดับยูนิคอร์น ถึง 372 แห่ง ในปี 2024
พลวัตในภาคเทคโนโลยีจีน ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ อย่างแข็งแกร่ง ทั้งการออกกฎหมายพื้นฐานฉบับแรก เพื่อส่งเสริมภาคเอกชน มาตรการจูงใจทางการเงินที่แข็งแกร่ง และการสร้างรูปแบบการบริโภคใหม่ๆ เช่น การเปิดเขตทดสอบยานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ และการผ่อนปรนการควบคุมน่านฟ้า สำหรับอากาศยานขึ้นบิน-ลงจอดแนวดิ่งพลังงานไฟฟ้า (eVTOLs)
มาตรการเหล่านี้ ช่วยย่นระยะเวลาในการนำหุ่นยนต์ จากห้องปฏิบัติการออกสู่ตลาด ตัวอย่างล่าสุด คือ การให้เงินอุดหนุนผู้บริโภคสำหรับซื้อหุ่นยนต์ ในงานประชุมหุ่นยนต์โลก (World Robot Conference) ที่กรุงปักกิ่งของจีน และการเปิดจองซื้อหุ่นยนต์รุ่นใหม่ล่วงหน้า โดยมี ราคาต่ำกว่า 10,000 หยวน (ราว 45,522 บาท)
(ที่มา: https://www.xinhuathai.com/silkroad/541386_20251104 , https://en.imsilkroad.com/p/348051.html)
ภาพประกอบข่าว
(แฟ้มภาพซินหัว : หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ แข่งขันชกมวย ในการแข่งขันหุ่นยนต์ฮิวแมวนอยด์โลก ปี 2025 ในกรุงปักกิ่งของจีน วันที่ 15 ส.ค. 2025)
TAG : 0 0 Google +0 เขียนเมื่อ : อังคาร 4 พฤศจิกายน 2568 11:10:59 เข้าชม : 1896772 ครั้ง

				
				
				
				
				


















