Home ข่าวเด่น ดิจิทัล จุฬาฯ จับมือ The Ocean Cleanup ใช้กล้องและ AI วิเคราะห์ ปริมาณและเส้นทางขยะ ในแม่น้ำ หวังวางแนวทางการจัดการขยะ ก่อนออกทะเล

จุฬาฯ จับมือ The Ocean Cleanup ใช้กล้องและ AI วิเคราะห์ ปริมาณและเส้นทางขยะ ในแม่น้ำ หวังวางแนวทางการจัดการขยะ ก่อนออกทะเล

20 second read
0
0
295

กรุงเทพฯ, (19 ก.ย. 2568) จุฬาฯ ร่วมมือ The Ocean Cleanup และกรมทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่งนำร่องใช้เทคโนโลยีกล้องถ่ายภาพ และ AI วิเคราะห์ปริมาณขยะในแม่น้ำเจ้าพระยา มุ่งลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และผลักดันนโยบายการจัดการขยะ อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในภาคพื้นดินและในแหล่งน้ำ หากคุณคิดว่า ขยะที่คุณทิ้งในวันนี้ จะหายไปจากชีวิตตลอดกาล คุณอาจต้องคิดใหม่

“จากการตรวจสอบฉลากของขยะพลาสติก ที่พบบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยา เราพบขยะที่มีอายุย้อนไปถึง 10 ปี!” ศาสตราจารย์ ดร.สุชนา ชวนิชย์ อาจารย์ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และรองผู้อำนวยการ สถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ เผยข้อค้นพบจากโครงการวิจัยกำจัดขยะพลาสติก จากแม่น้ำเจ้าพระยาในกรุงเทพฯ ที่นักวิจัยจุฬาฯ ใช้กล้องและเทคโนโลยี AI ดักและติดตามขยะในแม่น้ำเจ้าพระยามาตั้งแต่ปี 2564 ถึง 2567, “ปัจจุบัน ประเทศไทยติดอันดับ Top 10 ของโลก ด้านการจัดการขยะที่ไม่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้เกิดมลพิษทางทะเลในระดับสูง” ศ. ดร.สุชนากล่าว

ศาสตราจารย์ ดร.สุชนา ชวนิชย์

ที่ผ่านมา หลายองค์กร และภาคส่วนต่าง ๆ ได้พยายามรณรงค์สร้างจิตสำนึก ออกแนวนโยบายและมาตรการต่าง ๆ เพื่อลดและกำจัดขยะทั้งในภาคพื้นดินและในน้ำอย่างต่อเนื่องเพื่อลดขยะในทะเล โครงการนำร่องล่าสุดก็เช่นกัน โครงการวิจัยกำจัดขยะพลาสติก จากแม่น้ำเจ้าพระยา ในกรุงเทพฯ” เป็นความร่วมมือระหว่างจุฬาฯ สถานทูตประเทศเนเธอร์แลนด์ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรุงเทพมหานคร และภาคเอกชน ภายใต้การดำเนินงานของ The Ocean Cleanup องค์กรไม่แสวงหากำไรด้านวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมจากประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่มีเป้าหมายในการสำรวจปริมาณขยะ ในมหาสมุทร ทั้ง 5 แห่ง ของโลก โดยทีมงานในโครงการฯ ประกอบด้วย นักวิทยาศาสตร์ วิศวกร นักออกแบบ และอาสาสมัคร ที่ร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อจัดการปัญหาขยะ ในทะเล

ปัญหาขยะในแม่น้ำ และทะเลไทย

กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง คาดการณ์ปริมาณขยะทะเล โดยรวบรวมข้อมูลปริมาณขยะมูลฝอยชุมชน และสัดส่วนของการจัดการขยะรายจังหวัดในพื้นที่่ติดชายฝั่่งทะเล จำนวน 23 จังหวัด ผลการประเมินในปี 2565 พบว่ามีปริมาณขยะมูลฝอยเกิดขึ้นรวม 11.60 ล้านตัน ในจำนวนนี้เป็น “ขยะพลาสติก” ราว 302,389 ตัน (หรือ 0.30 ล้านตัน) ซึ่งร้อยละ 10 -15 ของขยะพลาสติกเหล่านี้้มีโอกาสตกค้างบริเวณชายหาดและถูกพัดพาลงทะเล กลายเป็น “ขยะทะเล” ราว 30,239-45,358 ตัน หรือประมาณ 0.03-0.45 ล้านตัน

กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้ดำเนินการจัดโครงการบริหารจัดการขยะทะเล ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ ปีงบประมาณ 2560 โดยมีเป้าหมายในการสร้างจิตสำนึก ช่วยลดปริมาณขยะในทะเลและชายฝั่ง รวมถึงป้องกันการเกิดขึ้นใหม่ของขยะทะเล โดยจัดเก็บขยะตกค้างในระบบนิเวศที่สำคัญ ระบบนิเวศชายหาด ปะการัง และป่าชายเลน 21 จังหวัดชายฝั่ง แบบมีส่วนร่วมผ่านเครือข่ายภาคประชาชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาครัฐ ภาคเอกชน และอื่น ๆ แต่ขยะมูลฝอยและขยะพลาสติกก็ยังคง “ลอยนวล” อยู่ในแหล่งน้ำและท้องทะเล ซึ่งหากไม่จัดการปัญหาขยะในแหล่งน้ำ จะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสัตว์น้ำ เสี่ยงต่อสุขภาพมนุษย์ สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจ ทั้งการประมงและท่องเที่ยว และกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ ในระยะยาว

กล้องและ AI ส่องปริมาณและเส้นทางขยะในแม่น้ำ

ศ. ดร.สุชนา กล่าวว่า ในโครงการวิจัยกำจัดขยะพลาสติก จากแม่น้ำเจ้าพระยา ในกรุงเทพฯ ทีมนักวิจัยจากจุฬาฯ รับหน้าที่ศึกษา และเก็บข้อมูลปริมาณขยะ ในแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่ ปี 2564 จนถึง 2567 โดยมี เป้าหมาย เพื่อวิเคราะห์ปริมาณขยะ ที่ไหลลงสู่ทะเล และศึกษาประสิทธิภาพของเรือเก็บขยะ ระบบอัตโนมัติ แบบใช้พลังงานแสงอาทิตย์ (Interceptor) ในการลดขยะก่อนที่จะออกสู่มหาสมุทร
“ทีมนักวิจัยจุฬาฯ ติดตั้งกล้องตรวจจับขยะบริเวณสะพาน สำคัญ 3 แห่ง ได้แก่ สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า สะพานอรุณอมรินทร์ และสะพานภูมิพล ซึ่งเป็นจุดที่ขยะจากต้นน้ำจะไหลผ่าน กล้องเหล่านี้ จะบันทึกภาพ ทุก 15 นาที เพื่อให้สามารถติดตามปริมาณขยะ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง อย่างมีประสิทธิภาพ มากกว่า การสังเกตด้วยตาเปล่า” ศ. ดร.สุชนา อธิบายการเก็บภาพ และวิเคราะห์ข้อมูลขยะ

“จากนั้น AI ของ The Ocean Cleanup จะช่วยประมวลผลภาพถ่าย วิเคราะห์ปริมาณ และประเภทของขยะ ที่ลอยผ่านใต้สะพาน พร้อมทั้งติดตามเส้นทางการเคลื่อนที่ของขยะ และประเมินประสิทธิภาพของเครื่องดักขยะ ว่า ดักขยะได้มากน้อยเพียงใด”

ตัวอย่าง ภาพถ่าย จาก กล้องตรวจจับขยะ ในแม่น้ำเจ้าพระยา ผลการศึกษา และแนวทางในอนาคต

ศ. ดร.สุชนา เผยผลการศึกษาเบื้องต้น ว่า “ขยะพลาสติก” ยังคงเป็นขยะหลักที่พบในแม่น้ำเจ้าพระยา และการใช้เครื่องดักขยะพลังงานแสงอาทิตย์ช่วยลดปริมาณขยะ ที่ไหลลงทะเลได้อย่างมีนัยสำคัญ
เรือดักขยะสามารถเก็บขยะได้สูงถึง 6-7 ตัน โดยมี ข้อจำกัดที่ปริมาตรของขยะมากกว่าน้ำหนัก ปกติแล้วเรือจะใช้เวลาประมาณ 2-3 วันในการเก็บจนเต็ม ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ โดยเฉพาะในช่วงที่มีฝนตก หลังจากนั้น ขยะที่รวบรวมได้จะถูกนำไปคัดแยก และกำจัดอย่างถูกต้อง ตามขั้นตอน ในเบื้องต้นข้อมูล ที่ได้จากการเก็บรวบรวม และวิเคราะห์ ด้วย AI จะถูกนำไปใช้เป็นแนวทาง ในการกำหนดนโยบายของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ซึ่งมีเป้าหมายที่จะดำเนินโครงการต่อเนื่อง ไปอีก 3 ปี ศ. ดร.สุชนา หวัง และเชื่อมั่น ว่า หากผลการวิเคราะห์การติดตามขยะเสร็จสมบูรณ์ น่าจะได้แนวทางเพิ่มประสิทธิภาพการกำจัดขยะได้เพิ่มขึ้น

“ผลการศึกษานี้จะเป็น “ฐานข้อมูลสำคัญ” ที่สามารถต่อยอดไปสู่การพัฒนาแผนจัดการขยะ ในแม่น้ำ เชิงระบบ ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ช่วยให้เราสามารถวางนโยบายการจัดการขยะที่แม่นยำ และยั่งยืนมากขึ้น ทั้งในระดับพื้นที่และระดับประเทศ เช่น ระบุจุดที่มีการทิ้งขยะมาก เพื่อนำไปวางแผนป้องกัน พัฒนานโยบายหรือมาตรการลดการทิ้งขยะลงน้ำ หรือส่งเสริมการจัดการขยะต้นทางในชุมชน ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ในระยะยาว” ศ. ดร.สุชนา กล่าว และเสริม ว่า “การใช้เทคโนโลยีกล้องถ่ายภาพ และ AI จะช่วยให้เราระบุจุด ที่ยังต้องการการจัดการขยะ ไม่ว่า จะมีเครื่องดักขยะหรือไม่ และยังช่วยประเมินประสิทธิภาพของโครงการจัดการขยะ ที่มีอยู่ของภาครัฐ และเอกชน ได้อีกด้วย”

สุดท้าย แล้ว “ปัญหาขยะ” ไม่มีพรมแดน ทุกภาคส่วน จึงต้องตระหนัก และร่วมกันแก้ไข

“การแก้ปัญหาขยะเป็นความรับผิดชอบของทุกภาคส่วน ความร่วมมือจากต่างชาติที่เกิดขึ้น สะท้อนให้เห็นภาพว่า ขยะที่เราคิด ว่า อยู่เพียงในประเทศ อาจถูกพัดพาออกสู่ทะเล และกระทบต่อประเทศอื่น ดังนั้น การจัดการขยะ จึงไม่ใช่เพียงปัญหาระดับชาติ แต่เป็นปัญหาระดับโลก ที่ทุกประเทศ ต้องร่วมมือกัน” ศ. ดร.สุชนา กล่าว ทิ้งท้าย

อ่านบทความฉบับสมบูรณ์ ที่ https://www.chula.ac.th/highlight/239352/

TAG : 0 0 Google +0 เขียนเมื่อ : ศุกร์ 19 กันยายน 2568 10:11:59 เข้าชม : 1569887 ครั้ง

Load More In ข่าวเด่น ดิจิทัล
Comments are closed.

Check Also

ยกขบวนความอร่อย จากดินแดนสเปน สู่ เมนูจานเด่น ใจกลางกรุงฯ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์

ชื่อนี้การันตีเรื่องความอร่อย อูโนมาส ชั้น 54 โรงแรมเซ็ … …