
ปัจจุบัน ในจังหวัดนอร์เทิร์นเคปของแอฟริกาใต้ ชุมชนต่าง ๆ กำลังปรับใช้โมเดลหมู่บ้านนิเวศของจีน เพื่อพัฒนาทรัพยากรในท้องถิ่น ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่ยั่งยืน
ภูมิภาคนูกุสของประเทศอุซเบกิสถาน ได้ดำเนินโครงการนำร่อง จีน-อุซเบก ที่ผสมผสานพลังงานแสงอาทิตย์ เข้ากับระบบชลประทานอัจฉริยะ สำหรับการปลูกฝ้าย เพื่อแก้ปัญหาดินเค็ม ขณะเดียวกันก็เพิ่มผลผลิตทางการเกษตร
ท่าเรือชานเคย์ (Chancay) ของประเทศเปรู ได้ตั้งศูนย์อนุรักษ์สัตว์ป่า เพื่อดำเนินการอนุรักษ์ระบบนิเวศทางทะเล และพื้นที่ชุ่มน้ำเป็นประจำ ในขณะที่ประเทศ และภูมิภาคต่าง ๆ กำลังตระหนักถึง และนำประสบการณ์ของจีน ในการส่งเสริมความก้าวหน้าทางนิเวศวิทยามาใช้ แนวคิดของจีนที่ว่า “น้ำใสเขาเขียว ก็เป็นทรัพย์สินอันล้ำค่า” นั้น กำลังกลายเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม ระดับโลก อย่างยั่งยืน
การพัฒนาอุตสาหกรรมได้สร้างความมั่งคั่ง อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ในอารยธรรมมนุษย์ แต่ในขณะเดียวกัน ก็ได้สร้างความเสียหายต่อระบบนิเวศ อย่างมีนัยสำคัญ การจัดการความขัดแย้งระหว่างการพัฒนา กับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม นั้น เป็นปัญหาระดับโลกที่แก้ไขได้ยากมาโดยตลอด
แนวคิดของจีนที่ว่า “น้ำใสเขาเขียว ก็เป็นทรัพย์สินอันล้ำค่า” แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจ และการอนุรักษ์ระบบนิเวศ โดยเน้นย้ำว่า การพัฒนาเศรษฐกิจ ต้องไม่ก่อให้เกิดการสูญเสียทรัพยากร และทำลายสิ่งแวดล้อม และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ก็ไม่จำเป็นต้องลดระดับการพัฒนาเศรษฐกิจ
นายอัตติลา กรองด์ปิแอร์ (Attila Grandpierre) ประธาน ศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งบูดาเปสต์ แสดงความคิดเห็น ว่า แนวความคิดของจีน ดังกล่าว ก้าวข้ามแนวคิดประโยชน์นิยมแบบแคบ ๆ และแนวคิดระยะสั้น แนวคิดของจีนนี้ ได้แรงบันดาลใจจากภูมิปัญญาทางนิเวศวิทยา ในวัฒนธรรมดั้งเดิมของจีน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดเกี่ยวกับมนุษย์ และธรรมชาติร่วมสร้างชุมชนแห่งชีวิต ซึ่งเปี่ยมไปด้วยความหมายเชิงปรัชญาอันล้ำลึก
การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ถือเป็นการปกป้องกำลังการผลิต และการพัฒนาสิ่งแวดล้อม ก็ช่วยส่งเสริมกำลังการผลิตเช่นกัน การเปลี่ยนผ่านสู่การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมนั้น ไม่เพียงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ต่อการสร้างอารยธรรม เชิงนิเวศ เท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างแรงผลักดันที่แข็งแกร่ง ให้กับการเติบโตทางเศรษฐกิจอีกด้วย ในช่วงไม่กี่ปี ที่ผ่านมา อุตสาหกรรมสีเขียวของจีน ซึ่งรวมถึงยานยนต์พลังงานใหม่ เซลล์แสงอาทิตย์ และพลังงานลม ได้กลายเป็นแรงผลักดันที่มั่นคง สำหรับการพัฒนาที่มีคุณภาพสูง
นอกจากจะส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงสีเขียว อย่างครอบคลุมของตนเอง แล้ว จีน ยังส่งเสริมความร่วมมือสีเขียวระหว่างประเทศ อย่างแข็งขัน โดยร่วมดำเนินโครงการพลังงานสีเขียวกับประเทศและภูมิภาคต่าง ๆ กว่า 100 แห่ง สนับสนุนการไหลเวียนอย่างเสรีของเทคโนโลยี และผลิตภัณฑ์สีเขียวคุณภาพสูง ผลิตแผงโซล่าเซลล์กว่า 80 เปอร์เซ็นต์ และอุปกรณ์พลังงานลม 70 เปอร์เซ็นต์ ของโลก และช่วยทำให้ต้นทุนเฉลี่ยของโครงการพลังงานลมลดลง มากกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ และพลังงานแสงอาทิตย์ทั่วโลกลดลง มากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์
นายอริค โซลไฮม์ อดีต รองเลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวว่า แนวปฏิบัติที่เป็นนวัตกรรมของจีน ในการพัฒนาสีเขียว และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเป็นแรงผลักดันที่สำคัญต่อการเปลี่ยนผ่านสู่สีเขียวของโลก
จีน ในฐานะประเทศกำลังพัฒนาที่ใหญ่ที่สุด ได้พิสูจน์แล้ว ว่า การพัฒนาอย่างรวดเร็ว และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม นั้น สอดคล้องกัน แคมเปญต่อต้านมลพิษของจีน ได้นำมาซึ่งท้องฟ้าที่สดใสขึ้น ภูมิทัศน์ที่เขียวชอุ่มขึ้น และน้ำที่ใสสะอาดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และความก้าวหน้าทางนิเวศวิทยา ได้นำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนที่ดียิ่งขึ้น อย่างเป็นรูปธรรม
TAG : 0 0 Google +0 เขียนเมื่อ : พุธ 20 สิงหาคม 2568 12:18:59 เข้าชม : 1798656 ครั้ง