การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) 2025 ที่เมืองคยองจู ประเทศเกาหลีใต้ ระหว่าง วันที่ 31 ตุลาคม – 1 พฤศจิกายน 2025 จัดขึ้น ในช่วงที่โลกกำลังเผชิญความท้าทายจากเศรษฐกิจชะลอตัว และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยจีนใช้เวทีนี้ผลักดันแนวคิด “เปิดกว้าง ครอบคลุม และเชื่อมโยง” เพื่อสร้างเส้นทางใหม่ของการเติบโตที่ยั่งยืน
ที่ผ่านมา จีน มีบทบาทสำคัญ ในฐานะ ผู้สนับสนุนระบบการค้าเสรี และความร่วมมือพหุภาคี (Multilateral Cooperation) ภายใต้กรอบเอเปค ซึ่งมีสมาชิก 21 เขตเศรษฐกิจ มี GDP รวมกันกว่า 60% ของ GDP โลกเว็บไซต์ทางการของ APEC รายงาน ว่า จีน ให้เงินสนับสนุน กว่า 1.42 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อใช้ในโครงการความร่วมมือภายในภูมิภาค เช่น การพัฒนาการขนส่ง การส่งเสริมนวัตกรรมทางเศรษฐกิจ และการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน
จีน ยังมีส่วนร่วมสำคัญใน “การประชุมรัฐมนตรีเอเปค” (APEC Ministerial Meeting) ที่จัดขึ้นก่อนการประชุมผู้นำเอเปค โดยเสนอให้ประเทศสมาชิกมุ่งเน้น “นวัตกรรม” และ “ความเชื่อมโยง” เป็นกลไกหลักในการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังวิกฤตโลก พร้อมเสนอแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล พลังงานสะอาด และเทคโนโลยีสีเขียว ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ปุตราจายา 2040 (Putrajaya Vision 2040)
ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เคย กล่าวว่า “การดับแสงของผู้อื่น ไม่ได้ทำให้แสงของเราสว่างขึ้น และการปิดกั้นเส้นทางของผู้อื่น ย่อมขัดขวางทางเดินของตนเอง” แนวคิดนี้ สะท้อนท่าทีของจีนที่ต้องการให้เอเชีย-แปซิฟิก เป็น “ภูมิภาคแห่งการเปิดกว้าง ไม่ใช่การแบ่งแยก” โดยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม เป็นทางออกสำคัญต่อความไม่แน่นอนในระบบการค้าโลก
จีน ยังคงเป็นผู้นำในการส่งเสริมการค้าเสรี และการลงทุนระหว่างประเทศ เน้นความร่วมมือด้านโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเชื่อมโยงเศรษฐกิจในภูมิภาค โดยขยายความร่วมมือกับหลายประเทศสมาชิกเอเปค ผ่านโครงการเชื่อมโยงการขนส่ง และการพัฒนาเขตเศรษฐกิจชายฝั่ง นอกจากนี้ จีนยังมุ่งสร้างความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทานโลก โดยผลักดันให้สมาชิกเอเปคสร้าง “การพึ่งพาเศรษฐกิจระหว่างกัน” เพื่อเสริมจุดแข็งร่วมกัน
อีกหนึ่งบทบาทสำคัญของจีน คือ การส่งเสริมความร่วมมือด้านสาธารณสุข โดยร่วมมือกับประเทศสมาชิก APEC ในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการแพทย์ การพัฒนาวัคซีน และการใช้ภูมิปัญญาการแพทย์แผนจีนในการดูแลสุขภาพชุมชน เพื่อสร้างระบบสาธารณสุขที่ครอบคลุม และยั่งยืนมากขึ้นในภูมิภาค
นอกจากนี้ จีนยังขยายความร่วมมือด้าน “เศรษฐกิจสีเขียว” และ “พลังงานสะอาด” โดยเฉพาะในกลุ่มอาเซียน และเอเชียตะวันออก ด้วยการการส่งเสริมเทคโนโลยีลดคาร์บอน และการลงทุนในอุตสาหกรรมสะอาด สอดคล้องกับเป้าหมายของเอเปคในการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Net Zero) ภายในปี 2050
การประชุมเอเปค 2025 จึงเป็นเวทีสำคัญที่จีนจะยืนยันบทบาทของจีน ในฐานะผู้นำเศรษฐกิจของภูมิภาค พร้อมปูทางสู่การเป็นเจ้าภาพเอเปค 2026 ที่กรุงปักกิ่ง เพื่อเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนความร่วมมือที่เปิดกว้าง สร้างการเติบโตที่ยั่งยืนต่อไป
บทความ : ประวีณมัย บ่ายคล้อย / ภาพ : CGTN
TAG : 0 0 Google +0 เขียนเมื่อ : อังคาร 4 พฤศจิกายน 2568 11:43:59 เข้าชม : 1897435 ครั้ง

				
				
				


















