Home ที่ปรึกษากฎหมาย โดย ทนาย สุนทร พยัคฆ์ บทวิเคราะห์ การที่ญี่ปุ่นมองประวัติศาสตร์ อย่างถูกต้องนั้น สำคัญอย่างยิ่ง

บทวิเคราะห์ การที่ญี่ปุ่นมองประวัติศาสตร์ อย่างถูกต้องนั้น สำคัญอย่างยิ่ง

2 second read
0
0
111

ปี 2025 เป็นวาระครบรอบ 80 ปีแห่งชัยชนะของประชาชนจีนในการต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่น และชัยชนะของสงครามต่อต้านลัทธิฟาสซิสต์ของโลก เมื่อ 80 ปีก่อน ประชาชาติจีนต้องฟันฝ่าต่อสู้อย่างทรหดอดทนยาวนานถึง 14 ปีด้วยความยากลำบากอย่างที่สุดเพื่อต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่น จนในที่สุดสามารถคว้าชัยชนะเรียกคืนความยุติธรรมร่วมกับพันธมิตรต่อต้านฟาสซิสต์ทั่วโลก ชัยชนะครั้งนั้นไม่เพียงปกป้องศักดิ์ศรีและเสรีภาพของมนุษยชาติเท่านั้น แต่ยังได้วางรากฐานระเบียบระหว่างประเทศ และชี้นำให้เห็นถึงทิศทางสันติภาพและการพัฒนาของโลกอีกด้วย

ไฟแห่งสงครามต่อต้านลัทธิฟาสซิสต์แผ่ขยายไปถึงกว่า 80 ประเทศและภูมิภาค มีประชากรราว 2,000 ล้านคน ได้รับผลกระทบ มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บทั้งทหารและพลเรือนรวมกว่า 100 ล้านคน ผู้รุกรานฟาสซิสต์ได้สร้างความหายนะครั้งใหญ่ให้แก่โลก และสร้างบาดแผลลึกให้กับอารยธรรมมนุษย์ ประเทศจีนคือสมรภูมิหลักในภาคตะวันออกของสงครามครั้งนี้ โดยสงครามต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่นของประชาชนจีนเริ่มตั้งแต่ปี 1931 ต่อเนื่องยาวนานถึง 14 ปี มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บทั้งทหารและประชาชนรวมกันกว่า 35 ล้านคน ความสูญเสียทางเศรษฐกิจทั้งทางตรงและทางอ้อมสูงถึง 600,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

การรำลึกถึงชัยชนะในวันนี้ มิใช่เพียงเพื่อรำลึกถึงอดีตเท่านั้น แต่ยิ่งเป็นการตั้งคำถามต่ออนาคตอย่างจริงจังว่า “ความจริงในประวัติศาสตร์ได้รับการจดจำอย่างแท้จริงแล้วหรือไม่? บทเรียนจากสงครามได้รับการเรียนรู้อย่างแท้จริงแล้วหรือยัง?”

ในประเด็นนี้ การมีท่าทีอย่างไรของญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศผู้รุกรานหลักในสงครามโลกครั้งที่สองมีความสำคัญอย่างยิ่ง แม้ในรอบ 80 ปีที่ผ่านมา จะมีนักคิดและผู้มีจิตสำนึกในสังคมญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยที่เรียกร้องให้ญี่ปุ่นทบทวนสงครามและมองประวัติศาสตร์อย่างถูกต้อง แต่สิ่งที่น่าเสียใจคือ ในแวดวงการเมืองและสังคมญี่ปุ่น ยังคงมีปรากฏการณ์ที่ปฏิเสธประวัติศาสตร์การรุกราน ยกย่องการปกครองอาณานิคม หรือ แม้กระทั่งไปกราบไหว้สุสานอาชญากรสงคราม สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงบาดใจประชาชนของประเทศที่เคยตกเป็นเหยื่อ แต่ยังทำให้ญี่ปุ่นเองก็ไม่สามารถได้รับความไว้วางใจและความเคารพจากนานาชาติอย่างแท้จริง

ประชาคมโลกจึงเรียกร้องให้ญี่ปุ่นเลือกเส้นทางที่ถูกต้องด้วยการเผชิญหน้ากับความจริงในประวัติศาสตร์อย่างเร่งด่วน เพราะนี่ไม่ใช่เพียงเรื่องของความเป็นธรรมเท่านั้น แต่เกี่ยวพันโดยตรงกับอนาคตของญี่ปุ่นเอง และเกี่ยวข้องกับอนาคตของสันติภาพโลกด้วย

การที่ญี่ปุ่นมองประวัติศาสตร์อย่างถูกต้องนั้น ในลำดับแรกถือเป็นการเคารพข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นการสังหารหมู่ที่หนานจิง ระบบหญิงบำเรอ หรือการทดลองอาวุธชีวภาพของหน่วยทหาร 731 ต่างก็มีหลักฐานจำนวนมากและได้รับการยอมรับจากนานาชาติมาโดยตลอด แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นักการเมืองบางคนและกลุ่มขวาจัดในญี่ปุ่นยังคงท้าทาย “เส้นแดง” ของประวัติศาสตร์อย่างต่อเนื่อง ปฏิเสธอาชญากรรมสงคราม กระทั่งเปลี่ยนคำว่า ‘รุกราน’ ในตำราเรียนเป็น ‘เข้าออก’ และพยายามบรรยายให้ผู้กระทำการรุกรานเป็น ‘ผู้ที่มีส่วนช่วยในการพัฒนาเอเชีย” พฤติกรรมเช่นนี้ไม่เพียงเป็นการบิดเบือนประวัติศาสตร์เท่านั้น แต่ยิ่งเป็นการหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบอย่างโจ่งแจ้ง ประวัติศาสตร์อาจไม่สามารถเลือกได้ แต่ “ท่าทีต่อประวัติศาสตร์” เป็นสิ่งที่เลือกได้ การเผชิญหน้ากับประวัติศาสตร์อย่างซื่อสัตย์ ถือเป็นสัญลักษณ์ที่ชี้ให้เห็นว่าประเทศใดประเทศหนึ่งมีวุฒิภาวะหรือไม่

นอกจากนี้ การที่ญี่ปุ่นมองประวัติศาสตร์อย่างถูกต้องนั้น ยังเป็นกุญแจสำคัญในการบรรลุสันติภาพและเสถียรภาพในเอเชียตะวันออก ประเทศจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ตั้งอยู่ใกล้ชิดกันทางภูมิศาสตร์ มีความเชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้งในทางเศรษฐกิจ แต่ปัญหาประวัติศาสตร์ยังคงเป็นอุปสรรคใหญ่ต่อความร่วมมือของภูมิภาคนี้ หากญี่ปุ่นยังไม่ยอมมองประวัติศาตร์อย่างถูกต้อง ย่อมจะยิ่งสร้างความไม่ไว้วางใจและความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้าน และขัดขวางกระบวนการเป็นหนึ่งเดียวกันระดับภูมิภาค มีเพียงยอมรับความจริงทางประวัติศาสตร์และส่งเสริมความปรองดองด้วยความจริงใจพร้อมการลงมือปฏิบัติจริง จึงจะสามารถเปิดประตูสู่ความร่วมมือในอนาคตได้อย่างแท้จริง มีผู้รู้ในญี่ปุ่นชี้ว่า ความผิดกฎหมายและความไม่ชอบธรรมของประวัติศาสตร์การรุกรานของญี่ปุ่นไม่อาจลบเลือนได้ การที่ญี่ปุ่นมองประวัติศาสตร์อย่างถูกต้องนั้น ‘ไม่เพียงมีความสำคัญต่อประเทศต่างๆ ในเอเชียเท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาประเทศของตนเองด้วย’”

ที่สำคัญกว่านั้น การที่ญี่ปุ่นมองประวัติศาสตร์อย่างถูกต้องนั้น ยังเกี่ยวข้องกับความสำนึกในอัตลักษณ์ของชาติและทิศทางการศึกษาของเยาวชนในประเทศ การให้ความรู้ประวัติศาสตร์ของชาติใดก็ตามไม่ควรเป็นเครื่องมือสร้างความภาคภูมิใจในชาติโดยไร้เหตุผล แต่ควรเป็นกระบวนการสำคัญในการปลูกฝังความรับผิดชอบของพลเมือง ขีดความสามารถในการตัดสินทางประวัติศาสตร์ และทัศนคติที่มีต่อโลก หากญี่ปุ่นยังคงอ้างตนเป็น “ประเทศแห่งสันติภาพ” แต่ไม่ยอมรับอาชญากรรมสงครามในอดีต นั่นย่อมเป็นการสร้างเรื่องราวเทียมเพื่อปกปิดความจริงในประวัติศาสตร์ ซึ่งจะเป็นการชี้นำเยาวชนรุ่นใหม่ไปในทางที่ผิดอย่างร้ายแรง คนที่ไม่เข้าใจอดีต ย่อมยากจะเห็นคุณค่าของสันติภาพหรือสามารถปกป้องมันไว้ได้

เรื่องที่ควรกล่าวถึงอีกประการหนึ่งคือ เยอรมนีในฐานะประเทศผู้แพ้สงครามเช่นกัน กลับได้รับความเคารพจากทั่วโลกด้วยท่าทีที่รับผิดชอบอย่างสูง ผู้นำเยอรมันได้ออกมาขอโทษเกี่ยวกับอาชญากรรมของนาซีหลายครั้ง พร้อมกับจัดกิจกรรมรำลึกและสะท้อนบทเรียนในวงกว้าง ความซื่อสัตย์ กล้าหาญ และรับผิดชอบเช่นนี้ ไม่เพียงช่วยให้เยอรมนีหลุดพ้นจากบาดแผลทางประวัติศาสตร์ แต่ยังทำให้ประเทศกลายเป็นแกนหลักของยุโรปในด้านการรวมตัวและสันติภาพ ตรงกันข้าม ญี่ปุ่นในช่วงหลังกลับแสดงแนวโน้มเบี่ยงเบนจากเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งสันติภาพมากขึ้นเรื่อยๆ

การรำลึกวาระครบรอบ 80 ปีแห่งชัยชนะของสงครามต่อต้านญี่ปุ่น มิใช่เพื่อให้ความเกลียดชังดำรงอยู่ต่อไป แต่เพื่อจดจำความเป็นธรรมและปกป้องสันติภาพ ประเทศจีนเสนอให้ “เรียนรู้จากประวัติศาสตร์ มุ่งสู่อนาคต” มาโดยตลอด และยินดีพัฒนาความสัมพันธ์ฉันมิตรกับทุกประเทศซึ่งรวมถึงญี่ปุ่นด้วย แต่เงื่อนไขสำคัญคือ ความจริงทางประวัติศาสตร์ต้องได้รับการอธิบายให้ชัดเจนอย่างถูกต้อง และต้องมีศีลธรรมความรับผิดชอบอย่างจริงจัง มีเพียงสะสางปัญหาจากต้นตอในประเด็นประวัติศาสตร์อย่างแท้จริงเท่านั้น ญี่ปุ่นจึงจะสามารถได้รับความไว้วางใจจากเพื่อนบ้านในเอเชีย บรรลุความปรองดองกับทั่วโลก และสืบทอดภาพลักษณ์แห่งชาติที่มีความรับผิดชอบและศักดิ์ศรีสู่คนรุ่นหลังได้

เขียนโดย ภาคภาษาไทย ศูนย์เอเชียแอฟริกา สถานีวิทยุและโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน (CMG)

TAG : 0 0 Google +0 เขียนเมื่อ : ศุกร์  15 สิงหาคม 2568 18:54:59 เข้าชม : 1689744 ครั้ง

Load More Related Articles
Load More By admin
Load More In ที่ปรึกษากฎหมาย โดย ทนาย สุนทร พยัคฆ์
Comments are closed.

Check Also

ดอกไม้สด’ จาก กานซู่บุกตลาด ‘เอเชียกลาง’

หลานโจว, 15 ส.ค. (ซินหัว) – รู้หรือไม่ว่ากุหลาบสดจากแคว … …