Home ที่ปรึกษากฎหมาย โดย ทนาย สุนทร พยัคฆ์ บทวิเคราะห์ “การทูตประมุข” เปิด บทใหม่ ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

บทวิเคราะห์ “การทูตประมุข” เปิด บทใหม่ ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

10 second read
0
0
311

ระหว่าง วันที่ 14 -18 เมษายน ที่ผ่านมา นายสี จิ้นผิง เลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนและประธานาธิบดีจีน ได้เดินทางเยือนประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 3 ประเทศ ได้แก่ เวียดนาม มาเลเซีย และกัมพูชา ภายใต้บริบทโลก ที่กำลังเผชิญกับผลกระทบจากลัทธิเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว (Unilateralism) และการเมืองที่ใช้อำนาจบาตรใหญ่ “การทูตประมุข” ครั้งนี้เน้นการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน มุ่งเสริมสร้างมิตรไมตรีกับประเทศเพื่อนบ้าน และส่งเสริมความร่วมมือที่อำนวยประโยชน์แก่กัน ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง และถูกมองว่า เป็นการเยือนที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง และได้เปิดบทใหม่ให้กับความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ทั้งสามประเทศให้ความสำคัญ เป็นอย่างยิ่งกับการมาเยือนของประมุขจีน ครั้งนี้ ต่างต้อนรับด้วยพิธีการทูตระดับสูงสุด และกำหนดการที่อบอุ่น และยิ่งใหญ่ที่สุด แสดงถึงมิตรภาพจากหัวใจพร้อมส่งสัญญาณชัดเจน ถึงการให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ต่อความสัมพันธ์กับจีน

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เลือกเวียดนาม เป็นจุดหมายปลายทางแรกของการเยือนต่างประเทศ ในปีนี้ ขณะที่ นายโต เลิม ก็ได้เลือกเยือนจีนเป็นประเทศแรก หลังเข้าดำรงตำแหน่งเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม เมื่อปีที่แล้ว การเยือนซึ่งกันและกันระหว่างเลขาธิการของทั้งสองพรรค เกิดขึ้นภายในเวลาเพียงหนึ่งปี นั้น สะท้อนให้เห็นถึงระดับของยุทธศาสตร์ความสัมพันธ์ที่สูงยิ่งอย่างเต็มที่ ในการเยือนครั้งนี้ จีนและเวียดนาม ออกแถลงการณ์ร่วม และได้ลงนามเอกสารความร่วมมือ 45 ฉบับ ซึ่งจะส่งเสริมการเร่งเชื่อมโยงทางยุทธศาสตร์การพัฒนาระหว่างทั้งสองประเทศ อย่างทรงพลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงที่จะขยายและยกระดับความร่วมมือด้านรถไฟ ถือเป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาร่วมกัน ผู้นำทั้งสอง ได้ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดกลไกความร่วมมือด้านรถไฟ จีน-เวียดนาม ซึ่งกลไกนี้ จะทำให้เกิดการเชื่อมต่อของทางรถไฟมาตรฐานเดียวกันอย่างเต็มรูปแบบ ยกระดับขีดความสามารถด้านการขนส่งข้ามพรมแดนอย่างมาก ลดต้นทุนโลจิสติกส์ ทำให้ห่วงโซ่อุปทานของทั้งสองประเทศเชื่อมโยงกันอย่างไร้รอยต่อ และย่อมจะกลายเป็นโครงการสำคัญเชิงสัญลักษณ์ในการร่วมสร้าง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ระหว่างจีนกับเวียดนาม อย่างมีคุณภาพสูง

ระหว่างการเยือนมาเลเซียสองครั้งทั้ง เมื่อปี 2013 และ ปี 2025 นี้ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ต่างก็ได้ยกสุภาษิตมาเลเซียที่ว่า “สายน้ำตัดไม่ขาด” เพื่อเปรียบเทียบความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างสองประเทศ ครั้งนี้ สมเด็จพระราชาธิบดีอิบราฮิมแห่งมาเลเซีย มีพระราชดำรัส ว่า การเยือนครั้งนี้ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญในความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ในระดับที่สูง นายกรัฐมนตรีอันวาร์ได้เดินทางไปต้อนรับ และส่งประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่สนามบินด้วยตนเอง และร่วมในทุกกิจกรรมตลอดการเยือน ผลลัพธ์ที่สำคัญที่สุดของการเยือนครั้งนี้คือ ผู้นำทั้งสองประเทศได้ยกระดับความสัมพันธ์จีน-มาเลเซียขึ้นสู่ระดับใหม่ โดยประกาศที่จะสร้าง “ประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันเชิงยุทธศาสตร์ระดับสูง” ซึ่งถือเป็นการยกขึ้นสู่ระดับใหม่หลังจากที่ทั้งสองประเทศประกาศสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน เมื่อปี 2023 ตลอดสองปีที่ผ่านมา ความร่วมมือระหว่างสองประเทศมีพัฒนาการ อย่างรวดเร็ว เมื่อปีที่แล้ว มูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศ เกิน 210,000 ล้านดอลลาร์ และมีการเดินทางระหว่างกันของประชาชนเกือบ 6 ล้านคน การสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันบรรลุผลสำเร็จอย่างเด่นชัด ทำให้การยกระดับความสัมพันธ์ครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ระหว่างการเยือนครั้งนี้ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามเอกสารความร่วมมือ 26 ฉบับ ซึ่งถือเป็นผลสำเร็จที่ยิ่งใหญ่และทำลายสถิติ

เพื่อต้อนรับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง พระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี กษัตริย์กัมพูชาทรงจัดพิธีการทูต ที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ โดยเสด็จพระราชดำเนินไปยังสนามบินและจัดพิธีต้อนรับที่สนามบิน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปีนับตั้งทรงขึ้นครองราชย์ ช่วงเวลาที่โดดเด่นอีกช่วงหนึ่งของการเยือนครั้งนี้ คือการที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงและนายกรัฐมนตรีฮุน  มาเนต ได้ร่วมกันประกาศยกระดับความสัมพันธ์จีน-กัมพูชาเป็น “ประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันที่ครอบคลุมทุกมิติในยุคใหม่” นี่เป็นครั้งแรกที่จีนยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคีกับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สู่ระดับสูงที่ครอบคลุมทุกมิติ ซึ่งถือเป็น “ประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันที่ครอบคลุมทุกมิติในยุคใหม” รายแรกที่ก่อตั้งขึ้นในระดับทวิภาคี ระหว่างการเยือนครั้งนี้ทั้งสองประเทศได้ลงนามเอกสารความร่วมมือ 37 ฉบับ ครอบคลุมความร่วมมือด้านห่วงโซ่อุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทาน ปัญญาประดิษฐ์ และการช่วยเหลือเพื่อการพัฒนา ฯลฯ ซึ่งไม่เพียงช่วยเสริมสร้างศักยภาพการพัฒนาโดยพึ่งพาตนเองของกัมพูชา เท่านั้น แต่ยังเป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างกว้างขวางอีกด้วย สื่อกัมพูชาให้ความเห็น ว่า การเยือนครั้งนี้ สะท้อนถึงคุณภาพของความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ และเป็นการหักล้างที่ทรงพลังต่อกระแสข่าวลือที่ว่า “ความสัมพันธ์จีน-กัมพูชาตกต่ำลง” จีน ยืนหยัดใช้ความร่วมมือแทนการแทรกแซง ใช้ความช่วยเหลือแทนการครอบงำ ทำให้เป็นที่นับถือและไว้วางใจอย่างกว้างขวาง

มาเลเซียเป็นประธานหมุนเวียนอาเซียน และเป็นประเทศผู้ประสานความสัมพันธ์จีน-อาเซียน ประจำปีนี้ คำกล่าวต่อไปนี้ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่กล่าวกับนายกรัฐมนตรีอันวาร์มีความหมายสำคัญเกินกว่าระดับทวิภาคี

“จีน สนับสนุนมาเลเซียในการปฏิบัติหน้าที่ประธานหมุนเวียนอาเซียน และยินดีร่วมมือกับประเทศในภูมิภาคเพื่อเร่งให้มีการลงนามในพิธีสารการยกระดับเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียนโดยเร็ว ต่อต้าน‘การแยกตัวทางเศรษฐกิจ’ ‘สนามเล็กแต่รั้วสูง (small yard with high fences)’ และการเก็บภาษีศุลากรตามอำเภอใจด้วยการเปิดกว้าง การยอมรับความหลากหลาย ความสามัคคีและความร่วมมือ ตอบโต้แนวคิด ‘ผู้แข็งแกร่งกินผู้อ่อนแอ’ ซึ่งเป็น‘กฎแห่งป่า’ ด้วยคุณค่าแห่งเอเชียที่ยึดมั่นสันติภาพ ความร่วมมือ การเปิดกว้าง และการยอมรับความหลากหลาย รวมถึงรับมือกับความไร้เสถียรภาพและความไม่แน่นอนของโลกด้วยความมั่นคง และความแน่นอนของเอเชีย”

นายโต เลิม กล่าวว่า การเยือนของนายสี จิ้นผิง ได้ช่วยเสริมความมั่นใจของเวียดนาม ในการเอาชนะความเสี่ยง และความท้าทาย รวมถึงเดินหน้าภารกิจสังคมนิยม เวียดนามยินดีที่จะเสริมสร้างการประสานงานกับจีน เพื่อปกป้องกฎระเบียบการค้าโลก

นายอันวาร์ ระบุ ว่า สิ่งที่จีนนำมานั้น ไม่เพียงแต่เป็นความมั่นคง แต่ยิ่งเป็นความหวังที่ยั่งยืน อาเซียนไม่เห็นด้วยกับการกระทำที่ตั้งกำแพงภาษีฝ่ายเดียว และจะร่วมมือกันเพื่อรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจ

นายฮุน มาเนต กล่าวว่า ในสถานการณ์ที่ลัทธิเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว ก่อให้เกิดความปั่นป่วนทั่วโลก และระบบการค้าเสรีพหุภาคีกำลังถูกท้าทายนั้น จีน ได้แสดงบทบาทผู้นำ และมอบความแน่นอนอันมีค่าให้กับโลก

บรรดานักวิเคราะห์ ชี้ ว่า “การทูตประมุข” ครั้งนี้ สะท้อนถึงความปรารถนาอันจริงใจของจีน ในการร่วมมือ และร่วมทุกข์ร่วมสุขกับประเทศเพื่อนบ้าน และผลักดันการสร้างประชาคม ที่มีอนาคตร่วมกันกับประเทศรอบข้าง ขณะเดียวกันยังส่งสัญญาณชัดเจน ถึงการยืนหยัดของจีน ในการปกป้องพหุภาคีนิยม และกฎระเบียบการค้าโลก ท่ามกลางสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลง และวุ่นวาย จีน ได้แสดงบทบาทในฐานะประเทศใหญ่ที่มีความรับผิดชอบ ได้เสริมสร้างความมั่นใจ และเป็นกำลังใจให้กับการรวมพลัง และความร่วมมือระหว่างประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก

เขียน โดย ภาคภาษาไทย ศูนย์เอเชียแอฟริกา สถานีวิทยุและโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน (CMG)

TAG : 0 0 Google +0 เขียนเมื่อ :  ศุุกร์  25  เมษายน  2568  19:57:59 เข้าชม : 1798211 ครั้ง

Load More Related Articles
Load More By admin
Load More In ที่ปรึกษากฎหมาย โดย ทนาย สุนทร พยัคฆ์
Comments are closed.

Check Also

จีน นำ เสถียรภาพ และความแน่นอน มาสู่เศรษฐกิจโลก มากขึ้น

จีน นำ เสถียรภาพ และความแน่นอน มาสู่เศรษฐกิจโลก มากขึ้น … …