Home ข่าวเด่น ดิจิทัล บทวิเคราะห์ ส่งเสริม การพัฒนาสีเขียวของโลก-สหรัฐอเมริกา หรือจีน ใครถูก ใครผิด ?

บทวิเคราะห์ ส่งเสริม การพัฒนาสีเขียวของโลก-สหรัฐอเมริกา หรือจีน ใครถูก ใครผิด ?

2 second read
0
0
55

ไม่นานมานี้ ในการประชุมแบบเปิดของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในประเด็นสภาพภูมิอากาศและความมั่นคง ผู้แทนสหรัฐอเมริกากล่าวหาว่า การปล่อยคาร์บอนในโลกส่วนใหญ่มาจากจีนและประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ ถึงขั้นอ้างว่าการพัฒนาพลังงานสะอาดของจีนชะลอตัว ขณะที่ผู้แทนจีนก็ตอบโต้ด้วยข้อเท็จจริงและข้อมูล เผยให้เห็นถึงการถดถอยทางประวัติศาสตร์ของนโยบายสภาพภูมิอากาศและการใช้สองมาตรฐานของสหรัฐอเมริกา

สุภาษิต ว่า “ข้อเท็จจริงมีน้ำหนักกว่าคำพูด” ในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการส่งเสริมการพัฒนาสีเขียวของโลก สหรัฐอเมริกาหรือจีน ใครกันแน่ที่ทำถูกต้อง? เชื่อว่าประชาคมระหว่างประเทศมีคำตอบที่ชัดเจนมานานแล้ว

จีนมุ่งมั่นทุ่มเททำงานเพื่อ “ลดการปล่อยคาร์บอน” มาโดยตลอด และความสำเร็จในการพัฒนาพลังงานสะอาดและการสร้างอารยธรรมนิเวศวิทยานั้นเห็นได้อย่างเด่นชัด ปี 2024 การใช้พลังงานที่ไม่ใช่ฟอสซิลของจีนอยู่ที่ 19.7% มีการส่งออกผลิตภัณฑ์ผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานลมและโซลาร์เซลล์ให้ประเทศต่างๆ ซึ่งมีส่วนในการช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไปแล้วประมาณ 4,100 ล้านตัน สร้างคุณูปการสำคัญต่อการเปลี่ยนผ่านสู่คาร์บอนต่ำของโลก ขณะที่กำลังการผลิตติดตั้งและปริมาณการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนของจีนก็ครองอันดับหนึ่งของโลก ณ สิ้นปี 2024 ปริมาณการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนของจีนอยู่ที่ 3.46 ล้านล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง คิดเป็น 35% ของการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดของประเทศ ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ราว 2,500 ล้านตัน

สมุดปกขาวฉบับล่าสุดเรื่อง “การดำเนินการของจีนเกี่ยวกับการปล่อยคาร์บอนในระดับสูงสุดและการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน” ระบุว่า นับถึงปัจจุบันจีนได้กำหนดนโยบายที่เป็นระบบในการลดคาร์บอนที่ครอบคลุมและสมบูรณ์ที่สุดในโลก ได้สร้างระบบพลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่และเติบโตเร็วที่สุดในโลก ได้ก่อรูปขึ้นเป็นห่วงโซ่อุตสาหกรรมพลังงานใหม่ที่ใหญ่และสมบูรณ์ที่สุดในโลก และมีส่วนร่วมในการเพิ่มพื้นที่สีเขียวใหม่คิดเป็นสัดส่วนประมาณหนึ่งในสี่ของโลก กลายเป็นหนึ่งในประเทศที่ลดความเข้มข้นการใช้พลังงานได้เร็วที่สุดในโลก…. ภายใต้แนวคิด “สองภูเขา” (“น้ำใสสะอาดและภูเขาเขียวขจี คือ ภูเขาทองและภูเขาเงิน”) จีนได้เดินบนเส้นทางการพัฒนาสมัยใหม่ที่มนุษย์และธรรมชาติอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน เป็นแบบอย่างที่ชัดเจนทรงพลังแก่ทั่วโลกในการแก้ไขปัญหา “การพัฒนา” และ “การอนุรักษ์” ได้อย่างลงตัว

แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 15 ของจีนได้ยกระดับ “การพัฒนาสีเขียว” ให้เป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม สะท้อนถึงเจตจำนงและความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของจีนในการเดินบนเส้นทางการพัฒนาที่เน้นการอนุรักษ์ระบบนิเวศและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

การปฏิบัติจริงด้านการพัฒนาสีเขียวของจีนกำลังเปลี่ยนโฉมนิเวศวิทยาภูมิทัศน์ของตนเอง และที่น่ายกย่องกว่านั้น คือ การที่จีนมีส่วนร่วมกับประเทศต่างๆในการสร้างโลกสีเขียว โดยมอบโซลูชันพลังงานสะอาดที่ราคาย่อมเยาแก่ประเทศกำลังพัฒนา จีนกลายเป็นแบบอย่างการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ เคยกล่าวชื่นชมการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมของจีนในการเร่งเปลี่ยนผ่านสู่สีเขียว และความพยายามของจีนในการพัฒนาพลังงานหมุนเวียน

หันมาดูสหรัฐอเมริกา ในช่วงสำคัญของการเปลี่ยนผ่านสู่โลกสีเขียว กลับปรากฏให้เห็นว่านโยบายเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศถดถอยอย่างน่าเป็นห่วง กระทั่งถึงขั้นกล่าวอ้างว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็น “การหลอกลวงครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์” พร้อมทั้งถอนตัวจาก “ความตกลงปารีส” ถึง 2 ครั้ง รัฐบาลสหรัฐอเมริกายึดติดรูปแบบการพัฒนาที่ล้าสมัย ขัดขวางการพัฒนาพลังงานสะอาดภายในประเทศ นิยามถ่านหินใหม่ว่าเป็น “แร่สำคัญที่สุด” สั่งให้ทำเหมืองแบบเปิดในที่ดินของรัฐบาลกลางก่อน และผลักดันให้ใช้ถ่านหินในการจ่ายไฟให้ศูนย์ข้อมูล AI คาดว่าภายในปี 2030 จะทำให้มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้นอีก 120 ล้านตัน สหรัฐอเมริกายังได้ออก “ร่างกฎหมายใหญ่ที่สวยงาม” เพื่อยกเลิกสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับธุรกิจโซลาร์เซลล์ พลังงานลม และรถยนต์ไฟฟ้า พร้อมทั้งสั่งห้ามสร้างโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ใหม่ๆ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2025 โครงการพลังงานหมุนเวียนที่กำลังก่อสร้างทั่วประเทศสหรัฐอเมริกาลดลงถึง 62%

สิ่งที่สร้างความเสียหายยิ่งกว่านั้น คือ สหรัฐอเมริกาใช้วาทกรรมบิดเบือนในเวทีระหว่างประเทศ โดยกล่าวหาประเทศกำลังพัฒนาขนาดใหญ่อย่างไม่มีมูลความจริง พยายามเบี่ยงเบนความสนใจของประชาคมโลกจากปัญหาที่ตนเองลดการปล่อยก๊าซไม่ได้ตามเป้า พฤติกรรมเช่นนี้ไม่เพียงแต่บั่นทอนความไว้วางใจซึ่งกันและกันซึ่งจำเป็นต่อความร่วมมือด้านสภาพภูมิอากาศของโลกเท่านั้น แต่ยังเผยให้เห็นทัศนคติที่คับแคบ ซึ่งให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ส่วนตนทางภูมิรัฐศาสตร์มากกว่าผลประโยชน์ร่วมกันของมนุษยชาติอีกด้วย

กระแสการเปลี่ยนผ่านสีเขียวของทั่วโลกย่อมไม่อาจยับยั้งได้ มองไปข้างหน้า ประชาคมโลกควรร่วมมือกันต่อไป ยืนหยัดพหุภาคีนิยม และประเทศพัฒนาแล้วควรปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาอย่างแท้จริง จีนจะยังคงเปิดกว้างยิ่งขึ้น ร่วมมือกับทุกประเทศ พร้อมอุทิศภูมิปัญญาและพลังมากยิ่งขึ้นเพื่อร่วมสร้างโลกที่สะอาดและงดงาม ประวัติศาสตร์จะจดจำการเลือกของแต่ละประเทศ และกาลเวลาจะพิสูจน์ว่าใคร คือ ผู้พิทักษ์โลกใบนี้อย่างแท้จริง

เขียนโดย ภาคภาษาไทย ศูนย์เอเชียแอฟริกา สถานีวิทยุและโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน (CMG)

TAG : 0 0 Google +0 เขียนเมื่อ : ศุกร์ 5 ธันวาคม 2568 01:23:59 เข้าชม : 1679558 ครั้ง

Load More Related Articles
Load More By admin
Load More In ข่าวเด่น ดิจิทัล
Comments are closed.

Check Also

Bridgestone x Top Secret x Carnival สร้างปรากฏการณ์แห่งแฟชั่น เปิดตัวคอลเลคชั่นสุดลิมิเต็ดพร้อมกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ เอาใจแฟนมอเตอร์สปอร์ตใจกลางสยามสแควร์

คุณโชทาโร่ คิตะมุระ ผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจยางรถยนต์นั … …