
รายงานพิเศษฉบับใหม่ ว่าด้วยการบริหารจัดการภาวะวิกฤต ระดับโลก จะช่วยพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ในการสร้างความยืดหยุ่นขององค์กร และส่งเสริมนวัตกรรม
กรุงเทพฯ – อินเตอร์เนชั่นแนล เอสโอเอส (International SOS) บริษัทชั้นนำระดับโลก ในการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านสุขภาพ และความปลอดภัย ได้เผยแพร่คู่มือระดับโลกฉบับสมบูรณ์ ที่จะช่วยให้องค์กรต่าง ๆ สามารถรับมือกับความซับซ้อนของภาวะวิกฤต ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้ โดย รายงานพิเศษหัวข้อ “การสร้างโปรแกรมการบริหารจัดการภาวะวิกฤต ที่ตอบสนองอย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ” (Building a Responsive and Effective Crisis Management Programme) พร้อมด้วยเว็บแคสต์ประกอบรายงาน ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการก้าวข้ามวิธีการตอบสนองภาวะวิกฤต แบบเดิม ๆ ไปสู่การประยุกต์ใช้กลยุทธ์ด้านนวัตกรรม
ไจล์ส ฮิลล์ (Giles Hill) หัวหน้า ฝ่ายบริการความปลอดภัยระดับโลกของอินเตอร์เนชั่นแนล เอสโอเอส แสดงความเห็นว่า แม้ว่า โดยธรรมชาติแล้ว ภาวะวิกฤต จะเป็นสถานการณ์ที่ทำให้เกิดความสับสนวุ่นวาย แต่ในขณะเดียวกัน วิกฤตก็ถือเป็นบททดสอบสำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างความยืดหยุ่นขององค์กรและส่งเสริมนวัตกรรม เพราะภาวะวิกฤตจะเปิดเผยจุดอ่อนที่ซ่อนอยู่ และนำไปสู่การตัดสินใจที่เฉียบคมยิ่งขึ้น รวมทั้งผลักดันให้องค์กรต้องหันมาทบทวนเรื่องความคล่องตัวในการดำเนินงาน ซึ่งถือเป็นความสามารถที่จำเป็นอย่างยิ่ง สำหรับองค์กรในโลกที่เต็มไปด้วยความผันผวน ขณะเดียวกัน วิกฤตยังเป็นกระจกสะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์ และวัฒนธรรมองค์กร อย่างตรงไปตรงมา ด้วยเหตุนี้ ผู้บริหาร และองค์กร ที่มองวิกฤตเป็นโอกาส ไม่ใช่แค่ภัยคุกคาม จะมีความเข้มแข็งขึ้น มีระบบภายในองค์กรที่คล่องตัวมากขึ้น มีความสามารถในการจัดลำดับความสำคัญได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น และมีข้อได้เปรียบในการแข่งขันมากขึ้น ส่งผลให้องค์กรไม่เพียงแค่อยู่รอดเท่านั้น แต่ยังสามารถรับมือได้แม้ในยามที่ต้องเผชิญกับวิกฤต
รายงานฉบับนี้ จัดทำขึ้นโดยอ้างอิงจากสถานการณ์ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง เพื่อชี้ให้เห็น ว่า การบริหารจัดการภาวะวิกฤต โดยมีการอ้างอิงข้อมูล เน้นการลงมือปฏิบัติจริง และปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม จะช่วยให้องค์กรสามารถดำเนินงาน ได้อย่างต่อเนื่อง และเติบโตได้อย่างมั่นคง ขณะเดียวกัน ผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์ก็สามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ที่จะปรับเปลี่ยนองค์กรให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น และสามารถรับมือกับความท้าทายที่คาดไม่ถึงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยประสบการณ์อันยาวนาน กว่า 40 ปี ของอินเตอร์เนชั่นแนล เอสโอเอส ในการให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้า และพนักงาน เพื่อรับมือกับวิกฤตต่าง ๆ รายงานฉบับนี้ จึงนำเสนอข้อมูลเชิงลึกที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ครอบคลุมทุกประเด็นสำคัญของแนวปฏิบัติที่ดีที่สุด สำหรับการบริหารจัดการภาวะวิกฤตในปัจจุบัน ตั้งแต่การวางแผนล่วงหน้าก่อนเกิดวิกฤต การจัดการภายหลังวิกฤตสิ้นสุด ไปจนถึงบทบาทสำคัญของการรับรู้และความเข้าใจในสถานการณ์ การสื่อสารเชิงกลยุทธ์ และการประยุกต์ใช้นวัตกรรม
โกติเยร์ โปรอต (Gautier Porot) หัวหน้า ฝ่ายบริหารจัดการภาวะวิกฤตของอินเตอร์เนชั่นแนล เอสโอเอส ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการนำแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดมาใช้ โดย กล่าวว่า ด้วยสถานการณ์ตึงเครียดที่เกิดขึ้นในระยะหลังนี้ ทำให้เราตระหนักชัดถึงความสำคัญของการบริหารจัดการภาวะวิกฤต อย่างรอบด้าน รวมถึงการเตรียมความพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ ที่อาจเกิดขึ้นทุกรูปแบบ รายงานฉบับนี้ไม่ได้เป็นเพียงแหล่งข้อมูล เท่านั้น หากแต่เป็นการเรียกร้องให้องค์กรทุกองค์กร ผู้บริหารทุกคน และพนักงานทุกคน ลุกขึ้นมาดำเนินการอย่างจริงจัง เราจะสามารถพลิกวิกฤตให้กลายเป็นโอกาส พร้อมกับสร้างหลักประกันความสำเร็จและความยั่งยืนให้กับองค์กรได้ ก็ต่อเมื่อทุกภาคส่วนร่วมมือกันและเตรียมความพร้อมอย่างจริงจังในทุกมิติ
ประเด็นสำคัญของรายงานสมุดพิเศษ
• การวางแผนล่วงหน้าก่อนเกิดวิกฤต ประกอบด้วยการระบุถึงความเสี่ยงที่เกิดขึ้นในระบบ การจัดระเบียบทรัพยากร และการฝึกอบรมทีมงานให้มีความสามารถลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งครอบคลุมถึงการจัดตั้งทีมเฉพาะกิจ ที่มีทักษะเฉพาะทาง และทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการจัดทำเอกสารสำคัญ เช่น นโยบายการบริหารจัดการภาวะวิกฤต แผนการดำเนินงาน กลยุทธ์การสื่อสาร และคู่มือต่าง ๆ
• การตอบสนองต่อวิกฤต ประกอบด้วยการระดมทีมงาน การควบคุมสถานการณ์ และการแก้ไขปัญหาด้วยการตัดสินใจอย่างรวดเร็วและการสื่อสารที่ชัดเจน รายงานฉบับนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของทีมตอบสนองที่มีความคล่องตัวและทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้สามารถรับมือกับวิกฤตต่าง ๆ ที่มีลักษณะเฉพาะแตกต่างกันไป
• การจัดการภายหลังวิกฤตสิ้นสุด ประกอบด้วยการสนับสนุนทีมงาน การวิเคราะห์บริบทใหม่ภายหลังวิกฤต และการปรับกลยุทธ์ในการรับมือกับวิกฤต ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งครอบคลุมถึงแนวทางการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ได้แก่ การกำหนดผลลัพธ์ที่ต้องการ การแบ่งงานออกเป็นกลุ่มงานย่อย การจัดลำดับความสำคัญของงาน ตลอดจนการกำหนดทิศทางด้านกลยุทธ์ และการพัฒนาแผนการดำเนินงานที่ชัดเจน
TAG : 0 0 Google +0 เขียนเมื่อ : ศุกร์ 11 กรกฎาคม 2568 18:31:59 เข้าชม : 1578944 ครั้ง