
วันนี้ (10 พฤศจิกายน 2565) – นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงาน ปตท. และบริษัทย่อย ใน 9 เดือนแรกของปี 2565 ทั้งในและต่างประเทศ มีรายได้ 2,570,029 ล้านบาทและมีกำไรสุทธิจำนวน 73,303 ล้านบาท ลดลง 9% จากช่วงเดียวกันของปี 2564 เนื่องจากขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์ ภาษีเงินได้ และขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เพิ่มขึ้น โดยกำไรสุทธิจำนวน 73,303 ล้าน บาท มาจากผลการดำเนินงานของ ปตท. คิดเป็น 13% ซึ่งลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผลการดำเนินงานของธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ที่ต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติปรับสูงขึ้นมาก และอีก 87% มาจากผลการดำเนินงานของบริษัทในเครือ ปตท. ซึ่งประกอบด้วยธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม 49 % ธุรกิจใหม่ และ โครงสร้างพื้นฐาน และ บริษัทย่อยอื่น ๆ 24 % ธุรกิจน้ำมัน และ
ค้าปลีก 11% สำหรับธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นมีสัดส่วนเพียง 3 % โดยผลการดำเนินงาน ได้รับผลกระทบจากขาดทุนสต็อกน้ำมัน ที่เพิ่มขึ้นมากตามทิศทางราคาน้ำมัน ที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง ตามความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลก ถดถอย
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา คณะกรรมการ ปตท. มีมติอนุมัติการจ่ายปันผล ระหว่างกาลส่งผลให้กระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ และ กองทุนวายุภักษ์ จะได้รับเงินปันผลรวม ประมาณ 23,494 ล้าน บาท และเมื่อรวมกับภาษีเงินได้นิติบุคคลของ ปตท. และ บริษัทในเครือ (9 เดือนแรกของปี 2565) อีก ประมาณ 40,967 ล้าน บาท รวมกลุ่ม ปตท. นำส่งรายได้เข้ารัฐปี 2565 แล้ว 64,461 ล้าน บาท ทั้งนี้ กำไรของ ปตท. ภายหลังการจ่ายเงินปันผลให้แก่รัฐ และ ผู้ถือหุ้น จะนำไปลงทุนเพิ่มเติมในโครงการต่าง ๆ ที่สำคัญ รวมถึงสนับสนุนการดำเนินงานด้านกิจการเพื่อสังคม โดยในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 และ สถานการณ์ราคาพลังงานปรับตัวสูง (ปี 2564 – 2565) ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน ปตท. ร่วมแบ่งเบาภาระต้นทุนค่าครองชีพ ด้านพลังงาน กว่า 23,800 ล้าน บาท รวมทั้งดูแลสังคมจัดตั้งโครงการลมหายใจเดียวกัน กลุ่ม ปตท. ให้บริการตรวจคัดกรองเชื้อโควิด รวมงบประมาณ 1,046 ล้าน บาท โครงการลมหายใจเพื่อน้อง ช่วยเหลือเยาวชนกว่า 60,000 คน ที่เสี่ยงต่อการหลุดจากระบบการศึกษาและจัดตั้งกองทุน จำนวน 171 ล้าน บาท และ โครงการลมหายใจเพื่อเมือง สนับสนุนเป้าหมายของกรุงเทพมหานคร ในการปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียว
นอกจากนั้น ปตท. ยังได้ประกาศเจตนารมณ์มุ่งสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality ในปี ค.ศ. 2040 และเป้าหมาย Net Zero Emissions ในปี ค.ศ. 2050 พร้อมกันนี้ กลุ่ม ปตท. ยังมุ่งปลูกป่าเพิ่มเติมรวม 2 ล้านไร่ ภายในปี ค.ศ. 2030 แบ่งเป็นการดำเนินการโดย ปตท. 1 ล้าน ไร่ และ ความร่วมมือบริษัทในกลุ่ม ปตท. อีก 1 ล้านไร่ สร้างคุณค่าด้านสิ่งแวดล้อม และ เศรษฐกิจชุมชน นำมาซึ่งคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทย อย่างต่อเนื่อง
TAG : 0 0 Google + 0 เขียนเมื่อ : ศุกร์ 11 พฤศจิกายน 2565 22:32:00 เข้าชม : 1897233 ครั้ง