Home ข่าวเด่น ดิจิทัล CK BEM สุดแกร่ง ปี 2566 ทำ New High Backlog ทะลุ 2.5 แสนล้าน บาท ทางด่วน รถไฟฟ้า กลับมาคึกคัก

CK BEM สุดแกร่ง ปี 2566 ทำ New High Backlog ทะลุ 2.5 แสนล้าน บาท ทางด่วน รถไฟฟ้า กลับมาคึกคัก

48 second read
0
0
177

นายพงษ์สฤษดิ์ ตันติสุวณิชย์กุล รองประธานกรรมการบริหาร  บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK และกรรมการบริหาร บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM แถลงมั่นใจทุกบริษัทในกลุ่ม CK มีผลการดำเนินงานดีทั้งกลุ่ม และปี 2566 จะเป็นปีที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ของ CK และ BEM รายได้กำไรของ BEM จะทำ New High รวมถึง Backlog ของ CK จะทำสถิติสูงสุดในรอบ 50 ปี ตอกย้ำ โมเดลธุรกิจของ CK มาถูกทาง

นายพงษ์สฤษดิ์ เปิดเผย ว่า ปี 2565 ที่ผ่านมา BEM มีรายได้ 14,030 ล้าน บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3,304 ล้าน บาท หรือ ร้อยละ 30.8 กำไรสุทธิ 2,436 ล้าน บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1,426 ล้าน บาท หรือ ร้อยละ 141.2 ซึ่งเป็นผลจากการที่ปริมาณจราจรและ ปริมาณผู้โดยสารรถไฟฟ้ากลับมาสู่ภาวะปกติ และ ดีกว่า ช่วงก่อนเกิดโควิด โดยมีปริมาณผู้ใช้ทางด่วน 1.04 ล้านเที่ยวต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 22.4 และปริมาณผู้โดยสาร Blue Line  270,000 เที่ยวต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 84.5 และ ปัจจุบันปริมาณผู้โดยสารอยู่ที่ 400,000 เที่ยวต่อวัน คาดว่า ในปี 2566 ปริมาณผู้โดยสารรถไฟฟ้าจะมากกว่า 420,000 เที่ยวต่อวัน ซึ่งสูงกว่าเมื่อเทียบกับก่อนเกิดโควิด เนื่องจาก Blue Line เปิดเดินรถครบลูป และ ปริมาณผู้ใช้ทางด่วนจะกลับมา 100% ส่งผลให้กำไรในปี 2566 เพิ่มขึ้นกว่า ปี 2565 อย่างแน่นอน

ในส่วนของ Orange Line BEM เป็นผู้ชนะการคัดเลือกเอกชน ร่วมลงทุน ขณะนี้อยู่ระหว่างกระทรวงคมนาคม เสนอครม.เห็นชอบ เพื่อลงนามในสัญญา เชื่อมั่น ว่า รัฐต้องเร่งรัดเพราะโครงการมีความสำคัญต่อระบบขนส่งมวลชน และ โครงการล่าช้ามากว่า 3 ปีแล้ว ทำให้มีค่าใช้จ่าย และ ต้นทุนดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น หาก BEM ลงนามในสัญญา ก็มีความพร้อมที่จะดำเนินการได้ทันที ทั้งในเรื่องของเงินลงทุน และ ผู้รับเหมาได้แก่ CK ที่มีศักยภาพ และ ประสบการณ์ในการก่อสร้าง Project ขนาดใหญ่ ซึ่ง BEM มั่นใจว่าสามารถเปิดให้บริการ Orange Line ฝั่งตะวันออกได้ภายใน 3 ปีครึ่ง ก่อนกำหนดในสัญญาแน่นอน และ ฝั่งตะวันตกจะเปิดได้ภายใน 6 ปี หลังลงนามสัญญา

นายพงษ์สฤษดิ์ เปิดเผย ว่า งานโครงการที่สำคัญ และ อยู่ระหว่างการเจรจากับภาครัฐได้แก่ โครงการ Double Deck อยู่ระหว่างเจรจาในเบื้องต้นกับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ควบคู่ไปกับการรอผลการจัดทำ  EIA ของ กทพ. คาดว่าในสิ้นปีนี้จะมีความชัดเจนโดยขั้นตอนต่อไป จะมีการแก้ไขสัญญาตามพรบ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐ และ เอกชน ซึ่งจำเป็นต้องเร่งก่อสร้าง เพื่อแก้ปัญหารถติด นอกจากนี้โครงการ Purple Line ช่วงเตาปูน – ราษฎร์บูรณะ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กำลังเร่งรัดดำเนินโครงการโดย BEM พร้อมเจรจาทันทีที่ รฟม.ได้ทำการศึกษาตามขั้นตอนของพรบ.การร่วมลงทุนฯแล้วเสร็จ ส่วนโครงการอื่น ๆ ของภาครัฐ BEM ก็มีความพร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลทุกรูปแบบ อย่างเต็มที่

สำหรับในส่วนของ CK นายพงษ์สฤษดิ์ เปิดเผย ว่า 1-2 ปี ที่ผ่านมา เศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้ผลประกอบการที่ 2564 มีรายได้ก่อสร้าง 12,198 ล้านบาท ขณะที่ปี 2565 มีรายได้ก่อสร้าง 18,097 ล้าน บาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 48.35 กำไรสุทธิ 1,105 ล้าน บาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 199 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 21.96 มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 7.66% ณ ปัจจุบัน Backlog มูลค่ารวม 55,867 ล้านบาท จากโครงการ Purple Line ช่วงเตาปูน – ราษฎร์บูรณะ และโครงการDouble Track ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ และปี 2566 มีโครงการสำคัญที่มีความชัดเจนอยู่ 2 โครงการ คือ โครงการLuang Prabang Hydropower ซึ่งจะลงนามสัญญาภายในปีนี้ มูลค่า 98,000 ล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้างโครงการ 7 ปี ปัจจุบันบริษัท ซีเคพาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP ได้เจรจาข้อตกลงการซื้อขายไฟฟ้าเสร็จสิ้นแล้ว เหลือเพียงขั้นตอน การลงนามสัญญาเงินกู้กับผู้ให้กู้ ซึ่งคาดว่า จะเสร็จภายในเดือนเมษายน 2566 ส่วนงานก่อสร้างก็สามารถเริ่มได้ภายในปีนี้ ส่งผลให้ Backlog  ไตรมาสแรกปี 2566 ทะลุ กว่า 150,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีโครงการ Purple Line ช่วงเตาปูน – ราษฎร์บูรณะ คาดว่า BEM จะลงนามได้ในไตรมาสที่ 3 ทำให้มี Backlog เพิ่มขึ้น 109,216 ล้านบาท จึงทำให้ภายในไตรมาส 3 CK จะมี Backlog กลับมาที่ 250,000 ล้านบาท ถือเป็นการทำสถิติใหม่ (New High) ในรอบ 50 ปี ทำให้คาดว่าในอีก 7 – 8 ปี CK จะมีรายได้ปีละ 25,000 – 30,000 ล้าน บาท กำไรขั้นต้น 7-8 % ได้อย่างมั่นคง

นายพงษ์สฤษดิ์ กล่าวเพิ่มเติม ว่า สำหรับภาพรวมปี 2566 ถือเป็นปีที่ CK กลับมาเป็นปกติ จากงานก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับมีการควบคุมต้นทุนที่ดี ทำให้มีกำไรดีขึ้นต่อไปเรื่อย ๆ และ บริษัทในกลุ่ม ช.การช่าง ได้แก่  BEM ,TTW, CKP จะมีรายได้เพิ่มขึ้น ประกอบกับต้นทุนทางการเงินที่ต่ำ ส่งผลให้ทุกบริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้นและมีปันผลที่ดี โดยปัจจุบัน CK ถือหุ้น BEM รวมทั้งสิ้นกว่า 35% เพราะมั่นใจในศักยภาพของ BEM และ ยังมีโอกาสในการเข้ารับงานจากโครงการทางด่วน และ รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายต่าง ๆ ในอนาคต และ งานประมูลโครงการอื่น ๆ อาทิ โครงการAirport  โครงการDouble Track  โครงการ Motorway ซึ่ง CK และ BEM มีประสบการณ์ มีความพร้อม และ ศักยภาพอย่างมาก ในการเข้าไปดำเนินงานให้กับภาครัฐ

TAG : 0  0 Google +0 เขียนเมื่อ :   อังคาร  4 เมษายน  2566  17:08:59  เข้าชม : 1965811  ครั้ง

 

Load More Related Articles
Load More By admin
Load More In ข่าวเด่น ดิจิทัล
Comments are closed.

Check Also

พบกับ ใครสะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดสันติภาพของจีน

เมื่อหลายวันมานี้ ผู้แทนองค์การด้านกลาโหม และ ความปลอดภ … …