
กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับ SCG โดย CPAC Green Solution โดยการสนับสนุนของบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ดำเนินการจัดวางฐานลงเกาะตัวอ่อนปะการัง 3D Printing Solution ในบริเวณพื้นที่อ่าวสยาม เกาะราชาใหญ่ จังหวัดภูเก็ต
กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับ SCG โดย CPAC Green Solution ดำเนินการจัดวางวัสดุฐานลงเกาะตัวอ่อนปะการัง 3D Printing จำนวน 88 ชุด ในบริเวณแนวปะการังที่เสื่อมโทรมพื้นที่อ่าวสยาม เกาะราชาใหญ่ จังหวัดภูเก็ต ซึ่งได้รับมอบวัสดุฐานลงเกาะตัวอ่อนปะการังจากบริษัทไทยยูเนี่ยน ภายใต้โครงการรักษ์ทะเล ในการจัดวางครั้งนี้ มี นายวีระพันธุ์ ทองมาก ผู้อำนวยการ ส่วนฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเล กองอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล, นายไพทูล แพนชัยภูมิ ผู้อำนวยการ ส่วนอนุรักษ์และกำหนดมาตรการจัดการทรัพยากรทางทะเล กองอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล , นายอดัม เบรนนัน ผู้อำนวยการ กลุ่มด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ปจำกัด (มหาชน) , นายสุขธวัช พัทธวรากร ผู้อำนวยการ ทรัพยากรธรรมชาติและพันธกิจสังคม เอสซีจี ตลอดจนอาสาสมัครนักดำน้ำ ผู้ประกอบการในพื้นที่เกาะราชาใหญ่ นักดำน้ำอาสาสมัครชาวต่างชาติ ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เข้าร่วม จำนวนมาก
นายไพทูล แพนชัยภูมิ ผู้อำนวยการ ส่วนอนุรักษ์และกำหนดมาตรการจัดการทรัพยากรทางทะเล ฯ กล่าวว่า พื้นที่แนวปะการังเกาะราชาใหญ่ อ่าวสยาม จังหวัดภูเก็ต มีประมาณ 50 ไร่ จากการสำรวจสภาพโดยทั่วไปในหลายพื้นที่ส่วนใหญ่ พบว่า มีสภาพเสื่อมโทรมบางบริเวณเสียหายสูญเสียพื้นที่ อย่างถาวร เหลือแต่พื้นทราย ซึ่งมาจากหลายสาเหตุ ทั้งกิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำ การทิ้งสมอเรือ และการฟอกของปะการังตามธรรมชาติ และสามารถฟื้นตัวเองได้ยาก เนื่องจากมีปัจจัยอย่างที่มีผลกระทบต่อการลงเกาะของตัวอ่อน และการเจริญเติบโตของปะการัง การเพิ่มขึ้นของตะกอน กิจกรรมการท่องเที่ยวในพื้นที่ ที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น ทำให้รบกวนการฟื้นตัวของปะการัง โดยเฉพาะพื้นที่แห่งนี้เดิมที่ปะการังเขากวางหรือปะการังที่มีความเปราะบาง แทรกปนอยู่กับปะการังโขด พบว่า เมื่อปะการังเหล่านี้ ตายก็จะเหลือซากที่เป็นหินปูน และนานวันเข้าก็จะผุกร่อน หักยุบตัวลงเป็นเศษชิ้นส่วนเล็ก โดยปกติซากปะการังเหล่านี้ ก็จะเป็นฐานสำหรับให้ตัวอ่อนปะการัง ที่มีอยู่ตามธรรมชาติลงเกาะ และเจริญเติบโตต่อไปได้ และต้องใช้ระยะเวลาหลายปี ในช่วงที่ยังไม่มีตัวอ่อนลงเกาะ หรือเคลือบซาก เมื่อมีคลื่นก็จะถูกคลื่นซัดขึ้นบนฝั่ง หรือออกไปนอกแนวปะการังในที่น้ำลึก ทำให้เป็นพื้นที่ที่มีเศษปะการังกลายเป็นพื้นทราย และไม่เหมาะกับที่ตัวอ่อนปะการังลงเกาะ เนื่องจากจะต้องเป็นพื้นที่แข็ง เท่านั้น และพื้นที่เกาะราชาใหญ่ โดยเฉพาะอ่าวต่าง ๆ รวมถึงอ่าวสยามเป็นจุดสอนดำน้ำ จุดท่องเที่ยวดำน้ำลึก ดำน้ำแบบไทรยไดฟ์ที่มีนักท่องเที่ยวลงแต่ละวัน เป็นจำนวนมาก พื้นที่ที่ที่เคยเป็นเศษซากปะการัง หรือพื้นทรายเหล่านี้ จะถูกเหยียบย่ำ รบกวนอยู่ตลอดเวลา เมื่อมีตัวอ่อนไม่สามารถลงเกาะ และเติบโตได้ จึงจำเป็นต้องปรับพื้นท้องทะเล หรือพื้นทรายที่แทรกอยู่ระหว่างแนวปะการัง ให้เหมาะสมกับการลงเกาะของตัวอ่อน
“ที่ผ่านมา กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้ดำเนินการฟื้นฟูปะการังทั้งการปลูกปะการัง และการจัดวางฐานลงเกาะรูปแบบต่าง ๆ เช่น รูปโดม สี่เหลี่ยม หรือการวางอิฐบลอกในพื้นที่ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพื้นที่เกาะราชาเป็นแหล่งท่องเที่ยว ทำให้วัสดุที่วางลงไป มีสภาพไม่สวยงามอยู่กับแนวปะการัง จึงได้คิดค้นหาวิธีการที่จะหาวัสดุที่มีสภาพกลมกลืน สวยงาน หรือใกล้เคียงกับแนวปะการังธรรมชาติมาจัดวาง จึงเป็นที่มาของการพัฒนาวัสดุฐานลงเกาะตัวอ่อนปะการัง โดยกองอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล ร่วมกับ SCG CPAC Green Solution และคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จนได้วัสดุคอนกรีตที่ใช้เทคโนโลยี 3D Printing ซึ่งออกแบบจำลองรูปทรงของปะการังธรรมชาติชนิดต่าง ๆ โดยมีแนวคิดมีสภาพกลมกลืนกับธรรมชาติ มีความแข็งแรง คงทน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเล มีความซับซ้อนเป็นที่อยู่ของสัตว์น้ำได้ด้วย และที่สำคัญมีน้ำหนักไม่มาก สามารถติดตั้ง ขนย้าย ได้สะดวก นักดำน้ำ สามารถดำน้ำเคลื่อนย้ายได้ใต้น้ำ เพื่อประหยัดงบประมาณ และเป็นการสร้างการมีส่วนร่วมของนักดำน้ำ มาช่วยจัดวาง ซึ่งเป็นไปตามแนวทางของกรมฯ ที่เน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน”
นายไพทูล กล่าวอีกว่า ในครั้งนี้ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้ให้การสนับสนุนงบประมาณดำเนินการ ซึ่งในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต บริษัทฯ จะสนับสนุนดำเนินการต่อเนื่อง เป็นระยะเวลา 3 ปี จากปีนี้ เป็นต้นไป หลังการจัดวางในครั้งนี้ คาดว่า จะใช้ระยะเวลา 1 ปี ปะการังจึงจะเริ่มลงเกาะ หลังการจัดวางครั้งนี้ จะมีกิจกรรมของกรมฯ ต่อเนื่อง โดยนักดำน้ำอาสาสมัคร ในพื้นที่จะเก็บเศษชิ้นส่วนปะการัง ที่แตกหักอยู่ตามพื้นที่ และยังมีชีวิตอยู่ไปติดบนฐาน เรียกว่า เป็นการปลูกปะการัง จะช่วยให้ฐานเหล่านี้ มีปะการังลงเกาะและจะปกคลุมวัสดุได้เร็วขึ้น โดยจะมีการติดตามเป็นระยะ ๆ ต่อไป นอกจากนี้ กรม ทช. จะส่งเสริมให้ผู้ประกอบการร้านดำน้ำในพื้นที่ ซึ่งมีนักดำน้ำที่ผ่านการ ฝึกอบรมของกรม ทช. สามารถจัดกิจกรรมนำนักท่องเที่ยวมาปลูกปะการัง ในพื้นที่ โดยอยู่ภายใต้การกำกับของเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย ต่อไป…
TAG : 0 0 Google +0 เขียนเมื่อ อังคาร 21 พฤศจิกายน 2566 17:13:59 เข้าชม : 1984695 ครัั้ง