
ภาพยนตร์ “Dead to Rights” หรือ 南京照相馆 ของผู้กำกับเสิ่น อ่าว (Shen Ao) ขึ้นแท่นอันดับ 1 ของ Box Office โลก หลังภาพยนตร์ลงโรงฉายเพียงไม่กี่วัน กระแสของภาพยนตร์เรื่องนี้ มาพร้อมเสียงชื่นชมถึงวิธีเล่าเรื่อง ที่พาผู้ชมย้อนกลับไปในเหตุการณ์สังหารหมู่หนานจิง ช่วง ปี ค.ศ. 1937
แรงบันดาลใจของการสร้างภาพยนตร์ Dead to Rights มาจากเหตุการณ์สังหารหมู่หนานจิง ในยุคนั้น ที่มีเด็กฝึกงานในร้านถ่ายภาพที่หนานจิงเสี่ยงชีวิตลอบเก็บฟิล์มของนายทหารญี่ปุ่น ต่อมา ภาพเหล่านั้น กลายเป็นหลักฐานสำคัญในศาลอาชญากรสงคราม และทำให้โลกรับรู้ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
ภาพยนตร์เล่าเรื่องราว ในร้านถ่ายภาพเล็ก ๆ ที่ชาวบ้านใช้เป็นที่หลบภัย และผู้คนในร้านต้องล้างฟิล์มให้ทหารญี่ปุ่น แต่กลับพบว่าภาพเหล่านั้นคือ หลักฐานความโหดร้ายที่ไม่ควรถูกลบเลือน ภาพยนตร์ไม่เน้นภาพความรุนแรงตรงๆ แต่ใช้แสงเงา เสียงเงียบ และปฏิกิริยาตัวละครเป็นตัวขับเคลื่อนอารมณ์ ให้ผู้ชมค่อยๆ ซึมซับความหนักของเรื่อง
เสิ่น อ่าว ผู้กำกับภาพยนตร์ เลือกเล่าเรื่องผ่านคนธรรมดา เพราะเชื่อว่า พลังของ “พยานเงียบ” สามารถกระทบใจผู้ชมได้ ขณะที่ Li Anran ผู้ออกแบบ production ให้สัมภาษณ์ ว่า ทีมงานจำลองบรรยากาศหนานจิง ในช่วงปลายปี 1937 อย่างละเอียด ตั้งแต่ถนน อาคาร ไปจนถึงแม่น้ำที่สีคล้ายเลือด เพื่อสะท้อนความเจ็บปวดของผู้คนโดยไม่ใช้ภาพที่รุนแรงใช้ภาพถ่าย และความเงียบแทนคำพูด เพื่อให้เกียรติต่อเหยื่อและเปิดพื้นที่ให้ผู้ชมตีความ
กระแสของภาพยนตร์ Dead to Rights เปิดตัวด้วยยอดพรีเซลล์กว่า 30 ล้านหยวน วันแรกทำรายได้ทะลุ 100 ล้านหยวน และเพียง 4 วัน ทำรายได้แตะ 500 ล้านหยวน ล่าสุด ภาพยนตร์เรื่องนี้กวาดรายได้รวมในจีน ทะลุ 2,000 ล้านหยวน และขึ้นอันดับ 1 Box Office ช่วงสุดสัปดาห์
ขณะที่ในสื่อสังคมออนไลน์จีน มีกระแสไวรัลเรื่องราวของทหารผ่านศึก วัย 88 ปี ที่ร้องไห้หลังชมภาพยนตร์ และการแชร์เรื่องราวที่คนขับรถที่มอบหนังสือเกี่ยวกับเหตุการณ์หนานจิง ให้ผู้โดยสารหลายร้อยเล่ม นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลจาก Sina Finance ระบุว่ากว่า 65.7% ของผู้ชมคือคนวัย 25–39 ปี กลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งไม่ใช่กลุ่มที่จะชอบดูหนังประวัติศาสตร์ โดยผู้ชมใน Weibo และ Douban ชื่นชมการเล่าเรื่องผ่านสัญญะ และชื่นชม ว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ มีบทบาทสำคัญที่ช่วยให้คนยุคนี้ “จดจำอดีต เพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่า”
ภาพยนตร์ Dead to Rights มีกำหนดเข้าฉายในอีกหลายประเทศ อาทิ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สหรัฐอเมริกา มาเลเซีย และสิงคโปร์ เพื่อขยายฐานผู้ชมไปสู่ตลาดต่างประเทศ และเปิดให้ผู้ชมทั่วโลก ได้สัมผัสเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ผ่านการเล่าเรื่องที่ทรงพลังของภาพยนตร์
บทความ : ประวีณมัย บ่ายคล้อย / ภาพ : CGTM
TAG : 0 0 Google +0 เขียนเมื่อ : ศุกร์ 15 สิงหาคม 2568 18:06:59 เข้าชม : 1589337 ครั้ง