Home ที่ปรึกษากฎหมาย โดย ทนาย สุนทร พยัคฆ์ บทวิเคราะห์ การที่ญี่ปุ่นมองประวัติศาสตร์ อย่างถูกต้อง นั้น สำคัญอย่างยิ่ง

บทวิเคราะห์ การที่ญี่ปุ่นมองประวัติศาสตร์ อย่างถูกต้อง นั้น สำคัญอย่างยิ่ง

2 second read
0
0
653

ปี 2025 เป็นวาระครบรอบ 80 ปี แห่งชัยชนะของประชาชนจีน ในการต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่น และชัยชนะของสงครามต่อต้านลัทธิฟาสซิสต์ของโลก เมื่อ 80 ปี ก่อน ประชาชาติจีน ต้องฟันฝ่าต่อสู้อย่างทรหดอดทนยาวนาน ถึง 14 ปี ด้วยความยากลำบากอย่างที่สุด เพื่อต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่น จนในที่สุดสามารถคว้าชัยชนะเรียกคืนความยุติธรรม ร่วมกับ พันธมิตรต่อต้านฟาสซิสต์ทั่วโลก ชัยชนะครั้งนั้นไม่เพียงปกป้องศักดิ์ศรี และเสรีภาพของมนุษยชาติเท่านั้น แต่ยังได้วางรากฐานระเบียบระหว่างประเทศ และชี้นำให้เห็นถึงทิศทางสันติภาพและการพัฒนาของโลกอีกด้วย

ไฟแห่งสงครามต่อต้านลัทธิฟาสซิสต์แผ่ขยายไปถึง กว่า 80 ประเทศ และภูมิภาค มีประชากร ราว 2,000 ล้านคน ได้รับผลกระทบ มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บทั้งทหาร และพลเรือน รวมกว่า 100 ล้านคน ผู้รุกรานฟาสซิสต์ได้สร้างความหายนะครั้งใหญ่ให้แก่โลก และสร้างบาดแผลลึกให้กับอารยธรรมมนุษย์ ประเทศจีน คือ สมรภูมิหลักในภาคตะวันออกของสงคราม ครั้งนี้ โดยสงครามต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่นของประชาชนจีน เริ่มตั้งแต่ ปี 1931 ต่อเนื่องยาวนาน ถึง 14 ปี มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บทั้งทหาร และประชาชนรวมกัน กว่า 35 ล้านคน ความสูญเสียทางเศรษฐกิจทั้งทางตรง และทางอ้อม สูงถึง 600,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

การรำลึกถึงชัยชนะในวันนี้ มิใช่เพียงเพื่อรำลึกถึงอดีต เท่านั้น แต่ยิ่งเป็นการตั้งคำถามต่ออนาคตอย่างจริงจัง ว่า “ความจริงในประวัติศาสตร์ได้รับการจดจำอย่างแท้จริงแล้วหรือไม่? บทเรียนจากสงครามได้รับการเรียนรู้อย่างแท้จริงแล้ว หรือยัง ?”

ในประเด็นนี้ การมีท่าทีอย่างไรของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศผู้รุกรานหลัก ในสงครามโลกครั้งที่สอง มีความสำคัญอย่างยิ่ง แม้ในรอบ 80 ปี ที่ผ่านมา จะมีนักคิดและผู้มีจิตสำนึกในสังคมญี่ปุ่น จำนวนไม่น้อย ที่เรียกร้องให้ญี่ปุ่นทบทวนสงคราม และมองประวัติศาสตร์อย่างถูกต้อง แต่สิ่งที่น่าเสียใจคือ ในแวดวงการเมือง และสังคมญี่ปุ่น ยังคงมีปรากฏการณ์ที่ปฏิเสธประวัติศาสตร์การรุกราน ยกย่องการปกครองอาณานิคม หรือ แม้กระทั่งไปกราบไหว้สุสานอาชญากรสงคราม สิ่งเหล่านี้ ไม่เพียงบาดใจประชาชนของประเทศ ที่เคยตกเป็นเหยื่อ แต่ยังทำให้ญี่ปุ่นเองก็ไม่สามารถได้รับความไว้วางใจ และความเคารพจากนานาชาติอย่างแท้จริง

ประชาคมโลก จึงเรียกร้องให้ญี่ปุ่น เลือกเส้นทางที่ถูกต้อง ด้วยการเผชิญหน้ากับความจริงในประวัติศาสตร์ อย่างเร่งด่วน เพราะนี่ไม่ใช่เพียงเรื่องของความเป็นธรรมเท่านั้น แต่เกี่ยวพันโดยตรงกับอนาคตของญี่ปุ่นเอง และเกี่ยวข้องกับอนาคตของสันติภาพโลก ด้วย

การที่ญี่ปุ่นมองประวัติศาสตร์อย่างถูกต้อง นั้น ในลำดับแรก ถือเป็นการเคารพข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ ไม่ว่า จะเป็นการสังหารหมู่ที่หนานจิง ระบบหญิงบำเรอ หรือการทดลองอาวุธชีวภาพของหน่วยทหาร 731 ต่างก็มีหลักฐานจำนวนมาก และได้รับการยอมรับจากนานาชาติมาโดยตลอด แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นักการเมืองบางคน และกลุ่มขวาจัดในญี่ปุ่น ยังคงท้าทาย “เส้นแดง” ของประวัติศาสตร์อย่างต่อเนื่อง ปฏิเสธอาชญากรรมสงคราม กระทั่งเปลี่ยนคำว่า ‘รุกราน’ ในตำราเรียนเป็น ‘เข้าออก’ และพยายามบรรยายให้ผู้กระทำการรุกรานเป็น ‘ผู้ที่มีส่วนช่วยในการพัฒนาเอเชีย” พฤติกรรมเช่นนี้ไม่เพียงเป็นการบิดเบือนประวัติศาสตร์เท่านั้น แต่ยิ่งเป็นการหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบอย่างโจ่งแจ้ง ประวัติศาสตร์อาจไม่สามารถเลือกได้ แต่ “ท่าทีต่อประวัติศาสตร์” เป็นสิ่งที่เลือกได้ การเผชิญหน้ากับประวัติศาสตร์อย่างซื่อสัตย์ ถือเป็นสัญลักษณ์ที่ชี้ให้เห็นว่า ประเทศใดประเทศหนึ่ง มีวุฒิภาวะหรือไม่

นอกจากนี้ การที่ญี่ปุ่นมองประวัติศาสตร์อย่างถูกต้อง นั้น ยังเป็นกุญแจสำคัญในการบรรลุสันติภาพ และเสถียรภาพในเอเชียตะวันออก ประเทศจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ตั้งอยู่ใกล้ชิดกันทางภูมิศาสตร์ มีความเชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้งในทางเศรษฐกิจ แต่ปัญหาประวัติศาสตร์ยังคงเป็นอุปสรรคใหญ่ต่อความร่วมมือของภูมิภาคนี้ หากญี่ปุ่นยังไม่ยอมมองประวัติศาตร์ อย่างถูกต้อง ย่อมจะยิ่งสร้างความไม่ไว้วางใจ และความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้าน และขัดขวางกระบวนการเป็นหนึ่งเดียวกัน ระดับภูมิภาค มีเพียงยอมรับความจริงทางประวัติศาสตร์ และส่งเสริมความปรองดองด้วยความจริงใจ พร้อมการลงมือปฏิบัติจริง จึงจะสามารถเปิดประตูสู่ความร่วมมือในอนาคตได้อย่างแท้จริง มีผู้รู้ในญี่ปุ่น ชี้ ว่า ความผิดกฎหมาย และความไม่ชอบธรรมของประวัติศาสตร์การรุกรานของญี่ปุ่น ไม่อาจลบเลือนได้ การที่ญี่ปุ่นมองประวัติศาสตร์อย่างถูกต้อง นั้น ‘ไม่เพียงมีความสำคัญต่อประเทศต่าง ๆ ในเอเชีย เท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาประเทศของตนเองด้วย

ที่สำคัญกว่านั้น การที่ญี่ปุ่นมองประวัติศาสตร์อย่างถูกต้อง นั้น ยังเกี่ยวข้องกับความสำนึกในอัตลักษณ์ของชาติ และทิศทางการศึกษาของเยาวชน ในประเทศ การให้ความรู้ประวัติศาสตร์ของชาติใด ก็ตาม ไม่ควรเป็นเครื่องมือสร้างความภาคภูมิใจในชาติ โดยไร้เหตุผล แต่ควรเป็นกระบวนการสำคัญ ในการปลูกฝังความรับผิดชอบของพลเมือง ขีดความสามารถในการตัดสินทางประวัติศาสตร์ และทัศนคติที่มีต่อโลก หากญี่ปุ่นยังคงอ้างตนเป็น “ประเทศแห่งสันติภาพ” แต่ไม่ยอมรับอาชญากรรมสงครามในอดีต นั่นย่อมเป็นการสร้างเรื่องราวเทียมเพื่อปกปิดความจริงในประวัติศาสตร์ ซึ่งจะเป็นการชี้นำเยาวชนรุ่นใหม่ไปในทางที่ผิดอย่างร้ายแรง คนที่ไม่เข้าใจอดีต ย่อมยากจะเห็นคุณค่าของสันติภาพ หรือสามารถปกป้องมันไว้ได้

เรื่องที่ควรกล่าวถึงอีกประการหนึ่งคือ เยอรมนีในฐานะประเทศผู้แพ้สงครามเช่นกัน กลับได้รับความเคารพจากทั่วโลก ด้วยท่าทีที่รับผิดชอบอย่างสูง ผู้นำเยอรมันได้ออกมาขอโทษเกี่ยวกับอาชญากรรมของนาซีหลายครั้ง พร้อมกับจัดกิจกรรมรำลึก และสะท้อนบทเรียนในวงกว้าง ความซื่อสัตย์ กล้าหาญ และรับผิดชอบเช่นนี้ ไม่เพียงช่วยให้เยอรมนีหลุดพ้น จากบาดแผลทางประวัติศาสตร์ แต่ยังทำให้ประเทศกลายเป็นแกนหลักของยุโรปในด้านการรวมตัวและสันติภาพ ตรงกันข้าม ญี่ปุ่น ในช่วงหลังกลับแสดงแนวโน้มเบี่ยงเบนจากเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งสันติภาพมากขึ้น เรื่อย ๆ

การรำลึกวาระครบรอบ 80 ปี แห่งชัยชนะของสงครามต่อต้านญี่ปุ่น มิใช่เพื่อให้ความเกลียดชังดำรงอยู่ ต่อไป แต่เพื่อจดจำความเป็นธรรม และปกป้องสันติภาพ ประเทศจีนเสนอให้ “เรียนรู้จากประวัติศาสตร์ มุ่งสู่อนาคต” มาโดยตลอด และยินดีพัฒนาความสัมพันธ์ฉันมิตรกับทุกประเทศ ซึ่งรวมถึงญี่ปุ่นด้วย แต่เงื่อนไขสำคัญคือ ความจริงทางประวัติศาสตร์ ต้องได้รับการอธิบายให้ชัดเจนอย่างถูกต้อง และต้องมีศีลธรรมความรับผิดชอบอย่างจริงจัง มีเพียงสะสางปัญหาจากต้นตอในประเด็นประวัติศาสตร์ อย่างแท้จริง เท่านั้น ญี่ปุ่น จึงจะสามารถได้รับความไว้วางใจ จากเพื่อนบ้านในเอเชีย บรรลุความปรองดองกับทั่วโลก และสืบทอดภาพลักษณ์แห่งชาติ ที่มีความรับผิดชอบ และศักดิ์ศรีสู่คนรุ่นหลังได้

เขียนโดย ภาคภาษาไทย ศูนย์เอเชียแอฟริกา สถานีวิทยุและโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน (CMG)

TAG : 0 0 Google +0 เขียนเมื่อ : ศุกร์  15 สิงหาคม 2568 18:53:59 เข้าชม : 1689744 ครั้ง

Load More Related Articles
Load More By admin
Load More In ที่ปรึกษากฎหมาย โดย ทนาย สุนทร พยัคฆ์
Comments are closed.

Check Also

นายก อบจ.ภูเก็ต ลงพื้นที่ พบปะ ประชาชนบ้านแหลมพันวา รับฟังปัญหา และความต้องการของชุมชน

เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2568 เวลา 16.00 น. นายเรวัต อารีร … …