Home ข่าวเด่น ดิจิทัล จีน กับบทบาทผู้นำการรักษาเสถียรภาพ และกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจโลก

จีน กับบทบาทผู้นำการรักษาเสถียรภาพ และกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจโลก

22 second read
0
0
107

จาการ์ตา, 24 ธ.ค. (ซินหัว) — คริสตีน ซูซานนา ชิน (Christine Susanna Tjhin) จากสถาบันเกนตาลา (Gentala Institute) ของอินโดนีเซีย ระบุว่า จีนยังมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจโลกมากกว่าร้อยละ 30 ในระหว่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระยะ 5 ปี ฉบับที่ 15 (2021-2025) ของจีน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถของจีนในการรักษาเสถียรภาพและความมั่นคง ท่ามกลางอุปสรรคจากการฟื้นตัวหลังการแพร่ระบาด ความขัดแย้งระหว่างประเทศ รวมถึงมาตรการภาษีฝ่ายเดียวจากสหรัฐฯ ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก

เป็นที่คาดการณ์ว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของจีนจะส่งผลให้จีนยังคงสถานะเป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศที่มีอัตราการเติบโตสูงที่สุดในโลก โดยนับตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา นโยบายเศรษฐกิจ “วงจรคู่ขนาน” (Dual Circulation) ได้ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งและแรงต้านทานจากภายใน ผ่านการมุ่งเน้นการบริโภคภายในประเทศและการพัฒนานวัตกรรม ขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาการเปิดกว้างที่มีคุณภาพสูง และเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก

ความร่วมมือทวิภาคีระหว่างอินโดนีเซียและจีน ถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการสร้างผลประโยชน์เพื่อการพัฒนาในระดับโลก โดยนับตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมา โครงการโครงสร้างพื้นฐานและการลงทุนในหลากหลายรูปแบบได้ช่วยกระตุ้นสถิติการเติบโตทางเศรษฐกิจของอินโดนีเซียอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมทั้งเสริมสร้างสถานะของอินโดนีเซียในการเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก

ในด้านการเปิดกว้างระดับสูง ท่าเรือการค้าเสรีไห่หนาน (FTP) กลายเป็นเวทีสำคัญในการมีส่วนร่วมระหว่างประเทศ โดยผู้ประกอบการธุรกิจในอาเซียน (ASEAN) ได้รับผลประโยชน์จากโครงการริเริ่มนี้ ผ่านการปรับปรุงประสิทธิภาพของศุลกากร การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาที่เข้มแข็ง ตลอดจนความคล่องตัวที่เพิ่มสูงขึ้นทั้งในด้านการดำเนินธุรกิจและการท่องเที่ยว

ท่ามกลางลัทธิกีดกันทางการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้นทั่วโลก จีนได้ทำหน้าที่เป็นแรงถ่วงดุลด้วยการส่งเสริมโลกาภิวัฒน์ทางเศรษฐกิจที่ไม่แบ่งแยก โดยมีความร่วมมือระดับภูมิภาคที่สำคัญหลายรายการ อาทิ ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) และความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA) เวอร์ชัน 3.0 และความร่วมมือเฉพาะทางในด้านพลังงานสีเขียวและเศรษฐกิจดิจิทัล

ปัจจุบัน จีนอยู่ระหว่างกระบวนการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ จากการเป็น “โรงงานของโลก” สู่การเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมมูลค่าสูงที่เปี่ยมด้วยพลวัต แม้จีนจะยังคงรักษาบทบาทการเป็นศูนย์กลางห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก แต่ขณะเดียวกันก็ได้เร่งยกระดับอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างก้าวกระโดด อาทิ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) การประมวลผลแบบคลาวด์ (Cloud Computing), ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) รวมถึงเทคโนโลยีโทรคมนาคม

จีนมีเป้าหมายที่จะเร่งผลักดันอุตสาหกรรมแห่งอนาคต (Next-Generation Industries) อาทิ ระบบนิเวศพลังงานหมุนเวียน นอกจากนี้ การมีบทบาทสำคัญในการกำหนดมาตรฐานเทคโนโลยีระดับสากล ทั้งในด้านธรรมาภิบาลปัญญาประดิษฐ์ (AI Governance) และความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ ยังส่งผลให้จีนสามารถส่งเสริมการบูรณาการด้านการค้าและการลงทุนในภูมิภาคเอเชียให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง

(ที่มา: https://www.xinhuathai.com/silkroad/549590_20251224 , https://en.imsilkroad.com/p/348883.html)

ภาพประกอบข่าว

(แฟ้มภาพซินหัว : เรือสินค้าแล่นเข้าจอดเทียบท่าเรือเยียนไถ ในมณฑลซานตง ทางตะวันออกของจีน วันที่ 5 ก.ค. 2025)

TAG : 0 0 Google +0 เขียนเมื่อ ศุกร์ 26 ธันวาคม 2568 17:16:59 เข้าชม : 1673998 ครั้ง

Load More Related Articles
Load More By admin
Load More In ข่าวเด่น ดิจิทัล
Comments are closed.

Check Also

จีน สร้างประวัติศาสตร์ หน้าใหม่ ในภารกิจด้านอวกาศ ปี 2025

ปีนี้ จีน ประสบความสำเร็จในภารกิจด้านอวกาศ ตามแผน ตั้งแ … …