วันนี้ (วันที่ 25 ธันวาคม 2568) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อตรวจสอบเรือยอร์ชที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติ ตามคำสั่งยึดทรัพย์ในคดี “นางสาวแตงไทยฯ กับพวก” ซึ่งเป็นคดีอาญาข้ามชาติและการฉ้อโกงประชาชนทางออนไลน์ขนาดใหญ่ โดยมอบหมายให้ นายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย รองเลขาธิการ ปปง. เป็นผู้แทนดำเนินการ แทน นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการ ปปง. เพื่อใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน นำทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม พร้อมทั้งได้ยึดและอายัดทรัพย์สินของกลุ่มเครือข่ายดังกล่าว มูลค่ารวม กว่า 9,000 ล้านบาท

โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 เลขาธิการ ปปง. ได้มีคำสั่งยึดทรัพย์ไว้ชั่วคราว เป็นเรือยอร์ชสัญชาติสวิส ซึ่งเกี่ยวข้องกับเครือข่ายคดีฉ้อโกงภาคเอกชนและอาญาข้ามชาติ ซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวเป็นของกลุ่มเครือข่ายสแกมเมอร์หลอกลวงทางออนไลน์ และเป็นหนึ่งในทรัพย์สินสำคัญที่นำเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบตามกฎหมายฟอกเงิน

ทั้งนี้ จากการสืบสวนสอบสวนและขยายผลเส้นทางการเงินของ ปปง. พบว่า เงินที่ใช้จัดซื้อเรือและทรัพย์สินอื่น ๆ มีที่มาจากการกระทำความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนทางออนไลน์ โดยมีการใช้บัญชีม้า รับโอนเงินจากผู้เสียหาย ก่อนจะมีการโอนเงินเป็นทอด ๆ ผ่านทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล รวมถึงมีการมอบอำนาจให้บุคคลอื่นดำเนินธุรกรรมทางการเงินแทน

นอกจากนี้ จากการตรวจสอบยังพบ ว่า เรือยอร์ชที่ถูกยึดอายัด เป็นเรือที่จดทะเบียนในต่างประเทศ และมีผู้ถือกรรมสิทธิ์เป็นบุคคลสัญชาติไทย ขณะที่เส้นทางการเงินบางส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคลสัญชาติกัมพูชา และมีการโอนเงินย้อนกลับเข้ามาลงทุน และดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ซึ่ง ปปง. สามารถติดตามเส้นทางเงินไปถึงผู้รับประโยชน์ในที่สุด (beneficial owner) ได้อย่างชัดเจน

อย่างไรก็ตาม คดีดังกล่าวมีพฤติการณ์เริ่มมา ตั้งแต่ ปี 2561 โดย ตั้งแต่ ต้นปี 2568 เป็นต้นมา พบผู้เสียหายแล้ว กว่า 90 คดี ส่วนทรัพย์สินอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบเพิ่มเติม ทั้งนี้ เฉพาะมูลค่าเรือยอร์ชที่ถูกยึดอายัด มีมูลค่า กว่า 1,000 ล้านบาท

ส่วนการดำเนินการครั้งนี้ เป็นผลจากการบูรณาการร่วมกันระหว่าง ปปง. และกองบัญชาการสอบสวนกลาง ซึ่งได้นำไปสู่การออกหมายจับกลุ่มผู้ต้องหา และการยึดอายัดทรัพย์สิน อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องตามกฎหมาย และป้องกันไม่ให้ทรัพย์สิน ที่ได้จากการกระทำความผิด ถูกนำไปหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ต่อไป
ที่มา แหล่งข้อมูล : สำนักงาน ประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต / สำนักงาน หนังสือพิมพ์ อาณาจักรนิวส์
TAG : 0 0 Google +0 เขียนเมื่อ ศุกร์ 26 ธันวาคม 2568 17:38:59 เข้าชม : 1897334 ครั้ง



















