
● ปัจจุบัน 58% ขององค์กรไทยนำแนวปฏิบัติสำหรับ DEI มาปรับใช้อย่างจริงจัง ขณะที่ 25% เตรียมนำมาใช้ภายในอีก 12 เดือนข้างหน้า
● องค์กรไทย 65% ปรับปรุงคำบรรยายลักษณะงานอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ครอบคลุม และเปิดกว้างต่อผู้สมัครทุกกลุ่ม
● 42% ขององค์กรไทยใช้วิธีคัดกรองเรซูเม่แบบไม่ระบุข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อหลีกเลี่ยงอคติในการจ้างงาน
กรุงเทพฯ , 4 สิงหาคม 2568 – Jobsdb by SEEK แพลตฟอร์มหางานออนไลน์ชั้นนำในประเทศไทย เปิดเผยข้อมูลน่าสนใจจากรายงาน “Hiring, Compensation & Benefits Report 20251” พบว่า 58% ขององค์กรในประเทศไทยสนับสนุนเรื่องความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการยอมรับความแตกต่าง (Diversity, Equity, and Inclusion หรือ DEI) ภายในสถานที่ทำงาน ผลการสำรวจของรายงานดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงวิธีคิดด้านความเท่าเทียมขององค์กรที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะการสนับสนุนความเท่าเทียมในองค์กร ส่งเสริมสภาพแวดล้อมให้ทุกคนมีพื้นที่ปลอดภัยในการแสดงความคิดเห็น
ข้อมูลจากรายงาน “Hiring, Compensation & Benefits Report 20251” ที่ Jobsdb by SEEK เผยแพร่ไป เมื่อเดือนมิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นว่า DEI เป็นหนึ่งในนโยบายที่องค์กร ให้ความสนใจอย่างมาก ในปีนี้ องค์กรจำนวนมาก เริ่มปรับนโยบายการบริหารบุคลากร ให้ตอบโจทย์ยุคใหม่ โดยเฉพาะในด้านการสนับสนุนความหลากหลาย ทั้งในด้านเชื้อชาติ เพศ วัย และความสามารถ พร้อมผลักดันให้พนักงานทุกกลุ่มรู้สึกมีคุณค่า และได้รับการยอมรับอย่างเท่าเทียม ปัจจุบันมากกว่าครึ่งหนึ่งขององค์กรไทย (58%) นําแนว ปฏิบัติสำหรับ DEI มาบังคับใช้ และอีก 25% พิจารณาที่จะนํามาบังคับใช้ภายในอีก 12 เดือนข้างหน้า ซึ่งสะท้อนให้เห็นชัดเจนถึงแนวโน้มที่ DEI กำลังกลายเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาองค์กรในประเทศไทย ทั้งนี้แนวปฏิบัติสำหรับ DEI ที่องค์กรส่วนมากคิดขึ้น และนำมาใช้ ประกอบไปด้วย :
● การกำหนดนโยบายป้องกันการเลือกปฏิบัติ และการล่วงละเมิดในที่ทำงาน
● การตั้งกลุ่มทรัพยากรพนักงาน (Employee Resource Groups) หรือกลุ่มผู้มีอัตลักษณ์ ความสนใจ หรือประสบการณ์เหมือนกัน
● การจัดทำแบบสำรวจ หรือการประเมินด้านความหลากหลายในองค์กรอย่างสม่ำเสมอ
สร้างโอกาสที่เท่าเทียมกันผ่านการจ้างงานที่เป็นธรรม
หนึ่งในประเด็นที่ได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ คือ “การจ้างงานที่เป็นธรรม” (Fair Hiring) ซึ่งหลายองค์กรในไทยได้นำแนวปฏิบัตินี้มาใช้จริง เพื่อให้กระบวนการสรรหาบุคลากรโปร่งใส ปราศจากอคติ และยึดหลักความเท่าเทียมมากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น การคัดกรองเรซูเม่แบบไม่ระบุข้อมูลส่วนบุคคล (blind resume screening) ที่มีองค์กรมากถึง 42% บังคับใช้ เพื่อลดอิทธิพลของข้อมูลที่อาจนำไปสู่การเลือกปฏิบัติ นอกจากนี้องค์กรไทย 38% ยังมีการกำหนดเป้าหมายด้าน DEI ในขั้นตอนการสรรหาบุคลากรอย่างชัดเจน ขณะที่ 29% มีการตรวจสอบกระบวนการจ้างงานเป็นประจำ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอคติแฝงในขั้นตอนต่าง ๆ
ขณะเดียวกัน การปรับปรุงคำบรรยายลักษณะงาน (Job Description) ให้ปราศจากอคติก็เป็นอีกหนึ่งแนวปฏิบัติ ที่องค์กรไทยให้ความสำคัญ โดย 65% ขององค์กร มีการตรวจสอบ และอัปเดตคำบรรยายลักษณะงานเป็นประจำ 46% ใช้เทมเพลตที่เป็นมาตรฐานเดียวกันสำหรับทุกตำแหน่งงาน และ 22% จัดอบรมผู้เขียนคำบรรยายลักษณะงานเกี่ยวกับอคติที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว เพื่อให้มั่นใจว่าเนื้อหาของประกาศงานนั้นเปิดโอกาสให้ผู้สมัครทุกกลุ่มอย่างแท้จริง
คุณดวงพร พรหมอ่อน กรรมการผู้จัดการ Jobsdb by SEEK ประเทศไทย กล่าวว่า “ความหลากหลายและการจ้างงานอย่างเป็นธรรมไม่ควรถูกมองว่าเป็นแค่เทรนด์ หรือภารกิจของฝ่ายทรัพยากรบุคคล ในองค์กรเพียงฝ่ายเดียว แต่ควรเป็นสิ่งสำคัญที่ฝังอยู่ในวัฒนธรรมองค์กร รวมไปถึงการตัดสินใจในทุกระดับ Jobsdb by SEEK ยืนหยัดในการเป็นพันธมิตรที่องค์กรสามารถวางใจได้ ในการสร้างอนาคตของการทำงานที่ทุกเสียงมีค่า และบุคลากรทุกคนได้รับการยอมรับอย่างเท่าเทียม เราถือว่าการสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในตลาดแรงงาน ผ่านการยกระดับประสบการณ์หางานออนไลน์ของผู้หางานไทยให้มีความเชื่อมั่น และสามารถไว้วางใจได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นหนึ่งในความมุ่งมั่นของเราในฐานะแพลตฟอร์มจัดหางานชั้นนำของประเทศไทย ที่ต้องการจะช่วยยกระดับอุตสาหกรรมการจ้างงานของไทยขึ้นไปอีกขั้น”
ติดตามความเคลื่อนไหว และรายละเอียดเพิ่มเติม เกี่ยวกับแคมเปญ Talent Attraction Lab และ Jobsdb by SEEK ได้ทาง https://www.facebook.com/JobsdbThailandOfficialPage หรือ https://th.jobsdb.com/ หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Jobsdb by SEEK เพื่อเข้าถึงประกาศรับสมัครงานหลากหลายตำแหน่ง ที่เชื่อถือได้ และมั่นใจได้ที่ Google Play Store หรือ App Store
1 รายงาน Hiring, Compensation & Benefits Report 2025 ปี 2568 อ้างอิงจากข้อมูลจากผู้ตอบแบบสำรวจออนไลน์ชาวไทย 702 คน ในช่วงเดือนกันยายนถึงตุลาคม 2567 โดยประกอบไปด้วยผู้ตอบแบบสอบถาม จากองค์กรขนาดเล็ก (พนักงานไม่เกิน 50 คน) 34% องค์กรขนาดกลาง (พนักงาน 51–99 คน) 13% และองค์กรขนาดใหญ่ (พนักงาน 100 คน หรือมากกว่า) 53% โดยประกอบไปด้วยภาคอุตสาหกรรมค้าปลีก/อุตสาหกรรมการผลิตและโลจิสติกส์ 28% ธุรกิจอาหารเครื่องดื่ม/การโรงแรมและบริการ 19% เทคโนโลยีและข้อมูล 15% การตลาด/สื่อโฆษณา/การให้คำปรึกษาและกฎหมาย 12% ธนาคารและการเงิน 7% การศึกษา/การออม การดูแลสุขภาพ/การแพทย์ 7% วิศวกร/การออกแบบ/ก่อสร้าง/พลังงาน 5% งานขาย/พัฒนาธุรกิจ/อสังหาริมทรัพย์ 4% งานบริการสังคม / กีฬาและนันทนาการ / การเกษตร / ราชการ 2% ธุรการ / ฝ่ายสนับสนุน / ทรัพยากรบุคคล 1% และอื่น ๆ อีก 3%
TAG : 0 0 Google +0 เขียนเมื่อ : พุธ 13 สิงหาคม 2568 11:13:59 เข้าชม : 1569882 ครั้ง