Home ที่ปรึกษากฎหมาย โดย ทนาย สุนทร พยัคฆ์ “สยามคูโบต้า” ชูแผน รักษา ผู้นำตลาด เครื่องจักรกลการเกษตรของไทย ปักธงสู้ทุกความท้าทาย ตั้งเป้าปี 2024 คว้ายอดขาย 60,000 ล้านบาท เตรียมจุดแคมเปญใหญ่ “เป็นมากกว่าเกษตรกร”

“สยามคูโบต้า” ชูแผน รักษา ผู้นำตลาด เครื่องจักรกลการเกษตรของไทย ปักธงสู้ทุกความท้าทาย ตั้งเป้าปี 2024 คว้ายอดขาย 60,000 ล้านบาท เตรียมจุดแคมเปญใหญ่ “เป็นมากกว่าเกษตรกร”

1 min read
0
0
150

สยามคูโบต้า เผยผลประกอบการปี 2566 ปิดยอดขายที่ 58,000 ล้านบาท มุ่งพัฒนานวัตกรรมสินค้าและบริการเพื่อตอบโจทย์ความต้องการในภาคการเกษตร ขยายรูปแบบการใช้งานเครื่องจักรกลการเกษตรไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่มากขึ้น พัฒนาธุรกิจและโซลูชันใหม่ ไม่หวั่นการแข่งขันเดือด มั่นใจคงความเป็นผู้นำตลาดเครื่องจักรกลการเกษตรในอาเซียน ด้วยกลยุทธ์ RACE เตรียมเปิดแคมเปญใหญ่แห่งปี  มุ่งเปลี่ยนภาพจำที่มีต่ออาชีพเกษตรกรให้เชื่อในการ “เป็นมากกว่าเกษตรกร”

นายจูนจิ โอตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผย ว่า ผลประกอบการ ปี 2566 บริษัทฯ มียอดขายมูลค่ารวมปิดที่ 58,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนธุรกิจในประเทศ 70  % และต่างประเทศ 30 % เผยเหตุชะลอตัวจากการเผชิญกับความท้าทาย ทั้งสถานการณ์ภัยแล้งตั้งแต่ต้นปีที่ส่งผลกระทบสะสมทั่วประเทศ บวกกับปริมาณน้ำไม่เพียงพอต่อการเพาะปลูกทำให้ผลผลิตพืชเศรษฐกิจหลักลดลง รวมถึงต้นทุนราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของเกษตรกร อย่างไรก็ตามยังได้อานิสงส์จากปัจจัยบวกของยอดขายในประเทศเพิ่มขึ้นจากรถดำนาในพื้นที่ปลูกข้าวนาปรัง และตลาดรถขุดโตขึ้นจากปริมาณการส่งออกทุเรียนที่เพิ่มขึ้น สำหรับในปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายรวมอยู่ที่ 60,000 ล้านบาท พร้อมเตรียมแผนการลงทุนประมาณ 1,400 ล้านบาท สำหรับการผลิตสินค้าใหม่ รวมถึงโครงการที่รองรับด้าน ESG และการสนับสนุนกระบวนการผลิตต่างๆ

ปัจจุบันสยามคูโบต้ามีโรงงานผลิตเครื่องจักรกลการเกษตร 2 แห่ง ตั้งอยู่ที่สำนักงานใหญ่ นิคมอุตสาหกรรม นวนคร จังหวัดปทุมธานี เน้นการผลิตเครื่องยนต์ดีเซล รถไถเดินตาม และเครื่องอัดฟาง และอีกแห่งคือนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นโรงงานระดับ World Class Standard และเป็น HUB สำคัญ ที่ส่งออกแทรกเตอร์ รถเกี่ยวนวดข้าว และรถขุดขนาดเล็ก เพื่อรองรับการขยายตัวของตลาดอาเซียนที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีการใช้เทคโนโลยีนวัตกรรม Robot ในกระบวนการผลิต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพความแม่นยำในกระบวนการผลิต สร้างผลิตภัณฑ์คุณภาพและได้มาตรฐาน นอกจากนี้ยังได้รับรางวัล “โรงงานเครือข่ายลดก๊าซเรือนกระจกดีเด่น” โดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ปี 2566 อีกด้วย

ในตลาดต่างประเทศ สยามคูโบต้าเตรียมตอกย้ำความสำเร็จของการรุกตลาดอาเซียนคือ KUBOTA CAMBODIA Co,. Ltd. ณ ประเทศกัมพูชา และ KUBOTA LAOS Sole Co,. Ltd. ณ สปป.ลาว ตั้งแต่ปี 2557 ซึ่งในปีนี้ถือเป็นวาระครบรอบ 10 ปี แห่งความสำเร็จในการเข้าไปทำตลาดทั้งสองแห่ง โดยยึดมั่นจุดแข็ง 4 หัวใจหลักของการทำธุรกิจ (4 Core Pillars) คือ สินค้ามีคุณภาพและหลากหลาย บริการหลังการขายที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน เครือข่ายร้านค้าผู้แทนจำหน่ายที่ครอบคลุม และบริการให้คำปรึกษาด้านสินเชื่อในประเทศกัมพูชา ทางสยามคูโบต้ามีแผนส่งออกสินค้าใหม่ที่รองรับการเติบโตในภาคธุรกิจการเกษตรของแต่ละประเทศในอนาคต พร้อมทั้งพัฒนาระบบ Data Driven เพื่อนำข้อมูลใช้สนับสนุนการขายและการตลาดให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมยกระดับงานบริการที่ดีเยี่ยมให้กับลูกค้าทั้งสองประเทศได้รับประสบการณ์ที่ดีจากแบรนด์คูโบต้าเช่นกัน

“ทั้งนี้สยามคูโบต้า ยังคงสานต่อนโยบายคูโบต้า คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ในการมุ่งมั่นทำให้คูโบต้าเป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลก หรือ Global Major Brand (GMB) ภายในปี 2030 โดยวางเป้าหมายเป็น ‘Essentials Innovator for Supporting life” สร้างความเชื่อมั่นในนวัตกรรมเครื่องจักรกลการเกษตรให้กับลูกค้าทั่วโลก พร้อมเป็นองค์กร  ที่ตอบแทนสังคม ดำเนินธุรกิจโดยการพัฒนาสินค้าที่สานต่อความยั่งยืนทั้งด้านอาหาร น้ำ และสิ่งแวดล้อม ซึ่งสยามคูโบต้าพร้อมมุ่งมั่นพัฒนาสินค้าและนวัตกรรมที่มุ่งตอบสนองนโยบาย GMB 2030 ใน 2 ด้านหลัก ได้แก่ 1. เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและความปลอดภัยทางด้านอาหารด้วยการทำเกษตรอัจฉริยะ โดยมุ่งมั่นพัฒนาสินค้าที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหาและเพิ่มผลผลิตให้แก่เกษตรกรทั้งในไทยและอาเซียน จากผลกระทบของสถานการณ์ Climate Change 2. สร้างความเป็นกลางทางคาร์บอนในสินค้า โดยมุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์การทำเกษตรแบบ Low Carbon เพื่อลด Carbon Footprint ในการผลิตสินค้าเกษตร โดยมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตเครื่องอัดฟางหลังการเก็บเกี่ยวข้าวที่ใช้ในกระบวนการทำเกษตรปลอดการเผา รวมถึงการพัฒนาโซลูชันเพื่อสร้างโมเดลต้นแบบในการปลูกพืชข้าวอีกด้วย” นายโอตะ กล่าว

นางวราภรณ์ โอสถาพันธุ์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส เผยถึงภาวะเศรษฐกิจการเกษตรในปีที่ผ่านมา (GDP) ขยายตัวร้อยละ 0.3 ชะลอตัวเมื่อเทียบกับปี 2565 เนื่องจากสถานการณ์ภัยแล้ง ส่งผลกระทบต่อผลผลิตของพืช แต่ยังคงมีปัจจัยบวกจากราคาสินค้าเกษตร อาทิ ข้าว อ้อย ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และมันสำปะหลังยังอยู่ในเกณฑ์ดี ดังนั้น ทิศทางการดำเนินธุรกิจในปีนี้ จะเน้นการพัฒนา จัดหา และขยายรูปแบบการใช้งานเครื่องจักรกลการเกษตร ที่สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าใหม่มากขึ้น รวมไปถึงธุรกิจเครื่องจักรกลก่อสร้าง มุ่งพัฒนาและนำเสนอรถขุดโมเดลใหม่ รวมถึงการจัดหาอุปกรณ์ต่อพ่วงสำหรับรถขุดที่หลากหลาย  เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดในกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ตลอดจนการพัฒนาธุรกิจและโซลูชันใหม่  ยกระดับภาคการเกษตรเดินหน้าสู่ Smart Farming รวมถึงผลักดันให้เกิดการทำเกษตรอย่างยั่งยืน

สำหรับปีนี้ เตรียมตั้งเป้าบุกตลาดเต็มกำลังด้วยกลยุทธ์ RACE ประกอบด้วย R Retain Leadership รักษาความเป็นผู้นำ เป็นการรักษากลุ่มลูกค้าเก่า มุ่งเน้นการให้ความรู้ การบริการที่ดีทั้งการบริการหลังการขายและความพร้อมของอะไหล่ เพื่อสร้างความไว้วางใจและเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ของคูโบต้า A Accelerate Growth ขยายตลาดเพื่อการเติบโต เพิ่มการใช้งานเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่อพ่วงให้ครอบคลุมทุกขั้นตอนการเพาะปลูกทั้งพืชไร่และพืชสวน โดยการพัฒนาอุปกรณ์ต่อพ่วงให้สามารถใช้งานร่วมกันสินค้าปัจจุบันได้หลากหลาย รวมถึงขยายไปสู่พืชมูลค่าสูง (High Value Crop) C Climate Change รับมือสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป  ผ่านการส่งเสริมให้เกษตรกรทำการเกษตรโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ โซลูชันการทำนาเปียกสลับแห้ง การจัดการการใช้น้ำในแปลง การจัดการฟาร์มโดยใช้เครื่องมือดิจิทัลเพื่อเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุน การปลูกพืชแบบในร่ม การนำพลังงานสะอาดมาใช้เพื่อการเกษตร และ EESG for Sustainability ดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน ด้วยการสร้างสมดุล Ecosystem พร้อมกับความเป็นอยู่ที่ดีของทุกคน โดยเฉพาะแนวคิดการส่งเสริมและสนับสนุนความยั่งยืนบนเส้นทางอาชีพของเกษตรกรให้มีรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากสิ่งที่มีอยู่สู่การต่อยอดมูลค่าเพิ่มในด้านต่างๆ เพื่อสร้างรากฐานแห่งความยั่งยืนของชีวิต และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของเกษตรกร

โดยที่ผ่านมาเราได้ริเริ่มโครงการต่างๆ เพื่อเป็นการต่อยอดไอเดียให้แก่เกษตรกร โดยประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ อาทิ โครงการ Driving School พัฒนาทักษะและฝีมือให้กับผู้ใช้งานเครื่องจักรฯ โครงการ SIAM KUBOTA Happy Community (SKHC) : ชุมชนเพาะสุขสยามคูโบต้า เพื่อพัฒนาชุมชนสู่ตำบลอยู่ดีกินดี โครงการ Low Carbon Agriculture Creation (LCAC) : เกษตรลดคาร์บอนสู่ความยั่งยืน ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกข้าวแบบเปียกสลับแห้ง โครงการ “คูโบต้า กล้า | ท้า | ปลูก” การแข่งขันเพาะปลูกข้าวด้วยนวัตกรรมปฏิทินการเพาะปลูก KAS Crop Calendar Online เพื่อลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต สร้างรายได้ และลดการปล่อยก๊าซมีเทน รวมถึงโครงการส่งเสริมโซลูชันการปลูกพืชหมุนเวียนหรือการปลูกพืชหลังนา (Crop Rotation) เพื่อสร้างรายได้เสริม เป็นต้น

“อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ปัญหาจากสิ่งแวดล้อมและภัยแล้ง ความผันผวนของตลาดสินค้าเกษตรที่ส่งผลกระทบกับเกษตรกรไทยอย่างต่อเนื่อง สยามคูโบต้ายังเชื่อมั่นว่า เกษตรกรของเรา  มีศักยภาพเพียงพอที่จะสู้กับความท้าทาย ตลอดระยะเวลาที่เราอยู่เคียงข้างเกษตรมาอย่างยาวนาน เรามองเห็นศักยภาพของเกษตรกรที่แตกต่างไปจากเดิม และเราจะทำหน้าที่เป็นสปริงบอร์ดในการสนับสนุนเกษตรกรด้วยผลิตภัณฑ์และบริการที่มีมาตรฐาน และโซลูชันที่ช่วยให้การทำเกษตรสะดวกสบายยิ่งขึ้น เพื่อยกระดับและผลักดันให้ภาคการเกษตรไทยเติบโต ตลอดจนเป็นแรงผลักดันให้เกษตรกรมองเห็นโอกาสและความเป็นไปได้ใหม่ๆ ที่จะเปลี่ยนความคิดให้ทุกคนเชื่อได้ว่า เกษตรกรเป็นได้มากกว่าที่คุณคิด ซึ่งเป็นที่มาของแคมเปญการสื่อสารในปีนี้คือ เป็นมากกว่าเกษตรกร” นางวราภรณ์ กล่าวเสริม

ด้านนายพิษณุ มิลินทานุช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้จัดการทั่วไป สายงานขาย การตลาดและบริการ เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดเครื่องจักรกลการเกษตรของไทยในปี 2566 ที่ผ่านมาลดลงราว 10-15 % เนื่องมาจากสถานการณ์ Climate Change ที่ทำให้ปริมาณน้ำฝนลดต่ำลง ส่งผลกระทบต่อการเพาะปลูกของเกษตรกร อย่างไรก็ตามในด้านตลาดเครื่องจักรกลการเกษตร คูโบต้า ยังคงใช้จุดแข็งของผลิตภัณฑ์ ที่มีนวัตกรรมที่เข้ากับการเกษตรในประเทศไทย พร้อมการทำแคมเปญการตลาดต่างๆ ที่น่าสนใจ ตอบโจทย์ และเข้าถึงเกษตรกรได้อย่างกว้างขวาง รวมถึงความแข็งแกร่งในด้านการให้บริการหลังการขาย นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์การทำงานของเกษตรกรในแต่ละกลุ่มมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเกษตรกรพืชหลัก กลุ่มเกษตรกรสมัยใหม่ และกลุ่มเกษตรกรในเทรนด์พืชที่น่าสนใจ

สำหรับแผนการตลาดในปีนี้ สยามคูโบต้า เตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ รองรับการทำงานของเกษตรกร ที่ต้องการความสะดวกสบายเพิ่มขึ้น ในส่วนของการบริการยังคงมุ่งสร้างประสบการณ์ที่เหนือใครให้แก่ลูกค้า (Unmatched Experience) ตอบโจทย์การนัดหมาย และการแก้ปัญหาที่รวดเร็ว สำหรับงานอะไหล่ในปีนี้จะมีการนำเอา Data Driven เข้ามาเชื่อมโยงระหว่างโรงงาน อะไหล่ และผู้ผลิตชิ้นส่วน เพื่อทำให้ทราบกำลังการผลิตชิ้นส่วน ไปจนถึงข้อมูลความต้องการอะไหล่ของลูกค้าในแต่ละช่วงเวลา นอกจากนี้ยังมีการจัดโครงการ Dealer Data Driven Development เพื่อเสริมศักยภาพการทำงานให้ผู้แทนจำหน่าย ให้ลูกค้ามั่นใจความพร้อมในทุกมิติของสยามคูโบต้าที่พร้อมเดินหน้าไปด้วยกัน

“นอกจากนี้ สยามคูโบต้ายังเตรียมเปิดตัว 2 แคมเปญใหญ่สะท้อนความไว้ใจของลูกค้าอย่างยาวนาน และการมีส่วนช่วยสร้างสรรค์สังคมให้ดียิ่งขึ้น โดยแคมเปญแรกจะสะท้อนบทบาทสำคัญของเกษตรกรภายใต้ชื่อ No Farmer, No Us ไม่มีเขา ไม่มีเรา เพราะเราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเกษตรกรเป็นผู้ผลิตอาหารขั้นต้นให้แก่ทุกคนบนโลก ซึ่งจะเน้นการให้คุณค่าแก่เกษตรกรทุกคนทุกวัยเกิดความภาคภูมิใจในตัวเอง สามารถขับเคลื่อน ทุกความเป็นไปได้ด้วยการใช้นวัตกรรมใหม่ๆ โดยมีสยามคูโบต้าคอยเคียงข้าง เพราะเราเชื่อว่าเกษตรกร คือ ห่วงโซ่สำคัญในการสร้างความมั่นคงทางอาหาร (Food security) แก่ทุกคนบนโลก และนี่เป็นเหตุผลที่คูโบต้า ไม่เคยหยุดพัฒนาสินค้าและบริการให้ครอบคลุมทุกการทำงานของเกษตรกร เพื่อสนับสนุนประสบการณ์ในการใช้เครื่องจักรกลการเกษตรเป็นเครื่องมือสำคัญในการประกอบอาชีพ

แคมเปญต่อมา เราพบว่า จากการอยู่เคียงข้างเกษตรกรมากว่า 45 ปี เกษตรกรต้องเผชิญกับเงื่อนไขและข้อจำกัดมากมายในชีวิต วันนี้เราจึงไม่ได้นำเสนอแค่เครื่องจักรกลการเกษตร แต่เราพยายามที่จะพัฒนาจุดเด่น สร้างจุดต่าง สร้างประสบการณ์ร่วมในทุกๆ Touchpoint ของเรา ซึ่งนำมาสู่แคมเปญการตลาดในปีนี้คือ “คูโบต้า คันที่ใช่ พร้อมลุยทุกข้อจำกัด” ทลายเงื่อนไขเพื่อชีวิตเกษตรที่ใช่กว่าใน 5 ข้อจำกัด ได้แก่ 1. ข้อจำกัดด้านความมั่นใจสินค้าด้วยกิจกรรม KUBOTA Happiness Mission พัฒนาชุมชนพร้อมสาธิตสินค้าในพื้นที่ 2. ข้อจำกัดด้านการสามารถเป็นเจ้าของด้วยสินเชื่อหลากหลายในทุกกลุ่มสินค้า 3. ข้อจำกัดด้านต้นทุนทำเกษตรด้วยการใช้เครื่องจักรกลการเกษตรแบบรวมกลุ่ม 4. ข้อจำกัดด้านระยะทางด้วยแคมเปญ KUBOTA Service Loyalty กิจกรรมงานบริการในแต่ละพื้นที่ของลูกค้า และ 5. ข้อจำกัดด้านความคุ้มค่าด้วยการใช้อะไหล่แท้คูโบต้าที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน ซึ่งจะเป็นการตอบโจทย์ เพื่อร่วมทางไปกับลูกค้าของเราในทุกบทบาท ให้สมกับที่ได้รับความไว้วางใจให้คูโบต้าเป็นแบรนด์อันดับ 1 ในใจเกษตรกรเสมอมา” นายพิษณุ กล่าวปิดท้าย

TAG : 0 0 Google +0 เขียนเมื่อ  อังคาร  12 มีนาคม  2567  12:00:00 เข้าชม  1596759 ครั้ง

Load More Related Articles
Load More By admin
Load More In ที่ปรึกษากฎหมาย โดย ทนาย สุนทร พยัคฆ์
Comments are closed.

Check Also

JUNGCEYLON Welcome Golden Spender !   

ศูนย์การค้าจังซีลอน ป่าตอง ภูเก็ต เตรียมจัดกิจกรรม และโ … …