ไม่กี่วัน ที่ผ่านมา คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้จัดประชุมงานเศรษฐกิจ โดยกําหนดให้การขยายตัวของอุปสงค์ภายในประเทศเป็นภารกิจสำคัญอันดับแรกของงานเศรษฐกิจ ในปี 2026 และระบุ ว่า จีน จะยังคงดําเนินนโยบายเศรษฐกิจมหภาคเชิงรุก และมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยยึดมั่นในการแสวงหาความก้าวหน้าควบคู่ไปกับการรักษาเสถียรภาพตลอดจนการปรับปรุงคุณภาพและประสิทธิภาพ ดังนี้
ประการแรก จีน จะพยายามกระตุ้นการบริโภคทั้งจากอุปสงค์และอุปทาน ปัจจุบันจีนกําลังเปลี่ยนจากการเน้นการบริโภคสินค้าไปสู่การบริโภคสินค้าและการบริโภคบริการอย่างสมดุลกัน แม้อัตราการเติบโตของการบริโภคสินค้าในบางพื้นที่ชะลอตัวลง แต่ความต้องการบริการ ทั้งบริการด้านการท่องเที่ยว วัฒนธรรม การดูแลผู้สูงอายุ การดูแลเด็ก และบริการอื่นๆ ยังคงแข็งแกร่ง ในปี 2026 จีนจะใช้อุปสงค์ใหม่เป็นแนวทางในการสร้างอุปทานใหม่ และใช้อุปทานใหม่เพื่อสร้างอุปสงค์ใหม่ เพื่อส่งเสริมความสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานที่ดีขึ้น จีนจะกําหนดและดําเนินการตามแผนเพื่อเพิ่มรายได้ของประชาชนทั้งในเมืองและชนบท ส่งเสริมการจ้างงานที่มีคุณภาพสูงและเต็มรูปแบบ เพิ่มเงินบำนาญขั้นพื้นฐานสำหรับผู้อยู่อาศัยในเมืองและชนบทอย่างต่อเนื่อง เพิ่มกำลังการบริโภคของประชาชนอย่างต่อเนื่อง ขยายการจัดหาสินค้าและบริการคุณภาพสูง พัฒนารูปแบบและสถานการณ์การบริโภคใหม่ๆอย่างเต็มที่ สร้างสรรค์โมเดลและแขนงงานใหม่อย่างจริงจัง สร้างและขยายจุดเติบโตใหม่ของการบริโภคระดับมูลค่าล้านล้านหยวน เช่น การบริการภายในประเทศ การท่องเที่ยวและการดูแลสุขภาพ ปลดปล่อยศักยภาพของความต้องการด้านการบริโภคอย่างมีประสิทธิภาพ ขจัดข้อจํากัดที่ไม่สมเหตุสมผลอย่างต่อเนื่อง ส่งเสริมสนับสนุนให้โรงเรียนประถมศึกษาและมัธยมศึกษาจัดวันหยุดฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง นอกจากนี้ จีนยังจะดำเนินโครงการ “บริโภคในประเทศจีน” เพื่อกระตุ้นให้ชาวต่างชาติมาจับจ่ายใช้สอยในประเทศจีน
ประการที่สอง จีน จะมุ่งไปที่การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและกระตุ้นการเติบโตในอนาคต โดยมีเป้าหมายเพื่อรักษาเสถียรภาพและฟื้นฟูการลงทุน ปัจจุบันการลงทุนของจีนกำลังลดลงและจีนยังคงมีข้อบกพร่องและจุดอ่อนต่างๆ ทั้งในด้านนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การยกระดับอุตสาหกรรมการผลิต โครงสร้างพื้นฐาน และการยกระดับคุณภาพชีวิตอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น ในปี 2026 จีนจะผสานการลงทุนในด้านสิ่งของให้สอดคล้องกับกับการลงทุนในด้านทรัพยากรบุคคลมากขึ้น เพื่อกระตุ้นการบริโภคและขยายการลงทุน เร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการบริโภค เช่นที่ จอดรถ ที่ชาร์จไฟฟ้า และทางหลวงท่องเที่ยว เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในส่วนที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพชีวิตของประชาชน เช่น การดูแลผู้สูงอายุ การดูแลเด็ก และการดูแลสุขภาพ ส่งเสริมการยกระดับการพัฒนาเมืองให้มีคุณภาพสูงและมุ่งเน้นขยายการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ จีนจะกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชน สนับสนุนให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ด้านต่างๆ ทั้งทางรถไฟ พลังงานนิวเคลียร์ และด้านอื่นๆ ชักนำให้ภาคเอกชนขยายการลงทุนไปยังด้านเทคโนโลยีขั้นสูง อุตสาหกรรมบริการ และในสาขาที่มีการแข่งขันสูง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนของภาคเอกชนด้วยมาตรการที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น

แม้ขณะนี้ เศรษฐกิจจีนยังคงเผชิญกับความยากลำบากและความท้าทายหลายประการ เช่น ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมภายนอกที่เพิ่มขึ้น ความไม่สมดุลระหว่างอุปทานที่แข็งแรงและความต้องการที่อ่อนแอภายในประเทศ ปัญหาและความเสี่ยงที่แฝงอยู่ในสาขาหลักๆ แต่รากฐานของเศรษฐกิจจีนยังมั่นคง จีนยังมีความได้เปรียบอยู่มากมาย ทั้งความยืดหยุ่นสูง ศักยภาพอันยิ่งใหญ่ และแนวโน้มพื้นฐานที่เอื้อต่อการพัฒนาระยะยาวยังไม่เปลี่ยนแปลง ข้อได้เปรียบของระบอบสังคมนิยมที่มีลักษณะเฉพาะของจีน ตลาดขนาดใหญ่ ระบบอุตสาหกรรมที่ครบวงจร และทรัพยากรบุคคลที่หลากหลาย นวัตกรรมยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนใหม่ให้กับการพัฒนา การไหลเวียนของบุคลากร สินค้า ข้อมูล และเงินทุนยังคงเติบโตอย่างรวดเร็ว คาดว่า การลงทุนและการบริโภคจะฟื้นตัวในปี 2026 เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงและการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมกำลังเร่งตัวขึ้น นวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และอุตสาหกรรมเข้าสู่ช่วงการพัฒนาที่ก้าวกระโดด อย่างเต็มขั้น ซึ่งผลักดันให้อนาคตการพัฒนาของเศรษฐกิจจีนสดใสยิ่งขึ้น
ส่วนกลางของจีน เชื่อว่า ด้วยการเชื่อมโยงการลงทุน และการบริโภค รวมถึงการประสานความพยายามร่วมกันของภาครัฐและตลาด ในปี 2026 จีนที่มีปัจจัยครบถ้วน มีความสามารถอย่างเต็มที่ในการกระตุ้นความต้องการภายในประเทศ และจะบรรลุการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
เขียน โดย โจว ซวี่ ภาคภาษาไทย ศูนย์เอเชียแอฟริกา สถานีวิทยุและโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน (CMG)
TAG : 0 0 Google +0 เขียนเมื่อ พุธ 24 ธันวาคม 2568 18:31:59 เข้าชม : 1897336 ครั้ง



















